มหาวิทยาลัยแก้จน บพท. กระทรวง อว. ได้รับการจัดอันดับโดดเด่น “ด้านขจัดความยากจน” จากผลสำรวจ “THE Impact Rankings” ประจำปี 2568

หน่วย บพท. กระทรวง อว. ขอแสดงความยินดีกับมหาวิทยาลัยในประเทศไทย ทั้ง 14 สถาบันวิชาการที่ได้รับการจัดอันดับจาก“THE Impact Rankings” ประจำปี 2568  “ด้านขจัดความยากจน – No Poverty ” ในแผนการขับเคลื่อนด้วยวิจัยและนวัตกรรมเพื่อมุ่งเน้นในการแก้ไขปัญหาความจน เพื่อการสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs) ประกาศผลเมื่อวันที่ 18 มิถุนายนที่ผ่านมา

กว่า 6 ปี ที่หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) สังกัดสำนักงานสภานโยบาย การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) มีบทบาทจัดสรรทุนวิจัยในการสร้างองค์ความรู้และนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาเชิงพื้นที่ ทั้งในระดับชุมชน ท้องถิ่น และเมือง เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นเป็นผู้บริหารจัดสรรทุนวิจัยและนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาเชิงพื้นที่ การพัฒนาชุมชนหรือท้องถิ่น มุ่งหวังให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการรายใหม่ วิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อมเพื่อขับเคลื่อนให้กลไกในพื้นที่มีความเข้มแข็ง การสร้างผู้นำ พร้อมกับการพัฒนาคนในพื้นที่ สานพลังด้วยงานวิจัยเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงในพื้นที่ได้อย่างแท้จริงและยั่งยืน

โดยหนึ่งในแผนงานยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนงานวิจัยและนวัตกรรมสำคัญ คือ “การขจัดความยากจน” หรือ SDG 1 – No Poverty นับเป็นวาระแห่งชาติที่ประเทศไทยและทั่วโลกให้ความสำคัญ และถูกกำหนดให้เป็น 1 ใน 17 เป้าหมายของการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals : SDGs) อีกทั้ง ได้ถูกระบุอยู่ในกรอบเป้าหมายยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนงานวิจัยและนวัตกรรมของหน่วย บพท. ที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (ปี พ.ศ. 2561 – 2580) ซึ่งเป็นแนวทางในแผนการพัฒนาประเทศและการกำหนดกรอบแผนแม่บทเป็นกลยุทธ์การขับเคลื่อนงานวิจัยและนวัตกรรมให้ครอบคลุมทุกมิติ

การขจัดความยากจนและยกระดับฐานะทางสังคม หน่วย บพท. เป็นผู้จัดสรรทุนและกำหนดกรอบแนวทางโจทย์งานวิจัย สร้างความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยและภาคีต่าง ๆ ในพื้นที่ ขับเคลื่อนการพัฒนาและวางหมุดหมายให้แก่สถาบันการศึกษาเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงในพื้นที่ ผ่านกระบวนการงานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนอย่างเบ็ดเสร็จและแม่นยำรายครัวเรือน ซึ่งได้สร้างกลไกความร่วมมือในระดับพื้นที่และดำเนินร่วมกับมหาวิทยาลัยพัฒนาพื้นที่ 20 จังหวัดทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ ที่มีรายได้ภาคครัวเรือนต่ำสุด ได้แก่ ปัตตานี อำนาจเจริญ แม่ฮ่องสอน ชัยนาท สุรินทร์ ยโสธร ศรีสะเกษ สกลนคร มุกดาหาร กาฬสินธุ์ บุรีรัมย์ นราธิวาส อุบลราชธานี ลำปาง พัทลุง นครราชสีมา ร้อยเอ็ด พิษณุโลก เลย และยะลา (อ้างอิงข้อมูล ดัชนีความก้าวหน้าของคนปี 2562) ด้วยโจทย์คำถามของงานวิจัย 3 ข้อสำคัญ คือ 1) คนจนอยู่ที่ไหน 2) จนเพราะอะไร 3) จะพ้นความจนได้อย่างเบ็ดเสร็จและยั่งยืนอย่างไร

จากข้อมูล THE Impact Rankings 2025 ขององค์กรจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลก ประเทศอังกฤษ อย่าง Times Higher Education (THE) ได้เผยแพร่ผลการจัดอันดับมหาวิทยาลัยที่มีการดำเนินงานเพื่อสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) หรือ “THE Impact Rankings” ประจำปี 2568 ที่ตรงกับแผนงานยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนงานวิจัยและนวัตกรรมที่สำคัญด้านการพัฒนา “การขจัดความยากจน” หรือ SDG 1 – No Poverty ของหน่วย บพท. นั้น มีมหาวิทยาลัยทั่วโลกเข้าร่วมการจัดอันดับทั้งสิ้น 2,526 แห่ง จาก 130 ประเทศ มหาวิทยาลัยจากประเทศไทยได้รับการจัดอันดับ ทั้งสิ้น 83 แห่ง และพบว่ามหาวิทยาลัยที่ได้รับทุนสนับสนุนจากหน่วย บพท. ได้รับการจัดอันดับเป็นกลุ่มมหาวิทยาลัยที่อยู่ใน 5 อันดับแรก ที่มีความโดดเด่นด้าน SDG 1: ขจัดความยากจน  ได้แก่  มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ถูกจัดอันดับอยู่ที่ 32 ของโลก ซึ่งถือเป็นอันดับที่ 1 ของประเทศไทย ถัดมาลำดับที่ 2 คือ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี (ช่วงลำดับ 101-200),  ลำดับที่ 3 มหาวิทยาลัยนเรศวร (ช่วงลำดับ 201- 300),  ลำดับที่ 4 มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ (ช่วงลำดับ 201- 300)  และลำดับที่ 5 มหาวิทยาลัยทักษิณ (ช่วงลำดับ 201- 300)

กลุ่มมหาวิทยาลัยที่ได้รับการจัดอันดับถัดมา ได้แก่ กลุ่มช่วงลำดับ 401- 600 คือ มหาวิทยาลัยราชภัฎศรีสะเกษ และ มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา, กลุ่มช่วงลำดับ 601- 800 ได้แก่ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์,  มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์, มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง และ มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด, กลุ่มช่วงลำดับ 801 – 1,000 ได้แก่  มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา และ มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย และกลุ่มช่วงลำดับ 1001+ ได้แก่ มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร

ด้วยผลงานการวิจัยเพื่อขจัดความยากจนและลดความเลื่อมล้ำจากการทำงานร่วมกันระหว่าง
หน่วย บพท.กับมหาวิทยาลัยในพื้นที่ 20 จังหวัด ภายใต้การสนับสนุนงบประมาณการขับเคลื่อนโดยกองทุน
ส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กองทุน ววน.) ได้สร้างองค์ความรู้และยกระดับคุณภาพชีวิตของครัวเรือนยากจนผ่านการส่งต่อช่วยเหลือเข้าสู่สวัสดิการตามมิติความยากจน 303,650 คน จาก 67,478 ครัวเรือน และทำให้ครัวเรือนยากจนมีทักษะอาชีพสามารถสร้างรายได้เพิ่ม 20% 22,934 ครัวเรือน (ข้อมูลอ้างอิง ณ วันที่ 26 มิถุนายน 2568) เกิดกองทุนสวัสดิการชุมชน วิสาหกิจชุมชน และกลไกความร่วมมือเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนแบบบูรณาการ ด้วยแนวทางการดำเนินการบนฐานคิด “การแก้ไขปัญหาความยากจนแบบองค์รวม” ภายใต้แพลตฟอร์มขจัดความยากจนแบบเบ็ดเสร็จและแม่นยำระดับจังหวัด (Provincial Poverty Alleviation Platform: PPAP) ที่มี 5 องค์ประกอบสำคัญ คือ 1) การสร้างกลไกความร่วมมือ 
2) การพัฒนาระบบข้อมูล ครัวเรือนยากจนแบบชี้เป้า  3) การพัฒนาระบบส่งต่อความช่วยเหลือ  4) การพัฒนาโมเดลแก้จน และ  5) การเชื่อมโยงยุทธศาสตร์แก้จนสู่แผนพัฒนาระดับจังหวัดและท้องถิ่น ซึ่งถือเป็นนโยบายและแผนงานยุทธศาสตร์ที่สำคัญ เพื่อมุ่งเน้นในการแก้ปัญหาความยากจนเชิงพื้นที่ของประเทศไทยอย่างแท้จริง

สถิติการเข้าชม