โหมโรงมหกรรมว่าวนานาชาติครั้งปฐมฤกษ์จ.ยะลา ว่าวหลากลวดลายกว่า 1,280 ตัวเฉิดฉายกลางท้องฟ้า 6 จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง และมาเลเซีย ส่งว่าวกว่า 1,280 ตัวเข้าประชันความงามกลางฟ้า เบิกฤกษ์งานมหกรรมว่าวนานาชาติจังหวัดยะลา สืบสาน-ฟื้นฟู-รักษา-ต่อยอดทุนวัฒนธรรมว่าวบูรงนิบง

ภายใต้โครงการวิจัยการยกระดับเศรษฐกิจสร้างสรรค์บนฐานทุนพหุวัฒนธรรม ว่าวบูรงนิบง สู่เทศกาลวัฒนธรรมจังหวัดยะลา  มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา

ผศ.ดร.เกสรี  ลัดเลีย รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและนวัตกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา เปิดเผยความเป็นมาของงานมหกรรมว่าวนานาชาติ ครั้งปฐมฤกษ์ของจังหวัดยะลา ซึ่งเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 19 เม.ย.ต่อเนื่องไปถึงวันที่ 21 เม.ย.นี้ โดยชี้แจงว่างานมหกรรมว่าวนานาชาติดังกล่าว คือส่วนหนึ่งของกิจกรรมสำคัญภายใต้โครงการวิจัยการยกระดับเศรษฐกิจสร้างสรรค์บนฐานทุนพหุวัฒนธรรม “ว่าวบูรงนิบง” สู่เทศกาลวัฒนธรรมจังหวัดยะลา ของคณาจารย์ มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา โดยได้รับสนับสนุนทุนวิจัยจากหน่วยบริหารและจัดการทุน ด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) กระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ที่มีวัตถุประสงค์สำคัญในการฟื้นฟูการเล่นว่าวบูรงนิบง ที่เป็นฐานทุนทางวัฒนธรรมในพื้นที่ ควบคู่ไปกับการยกระดับเศรษฐกิจสร้างสรรค์บนฐานทุนพหุวัฒนธรรม “ว่าวบูรงนิบง”

“ในมหกรรมว่าวนานาชาติครั้งปฐมฤกษ์นี้ มีว่าวหลากหลายประเภทจาก 6 จังหวัดภาคใต้ตอนล่างได้แก่นราธิวาส ยะลา ปัตตานี สงขลา สตูล ตรัง และจากประเทศมาเลเซีย เข้าร่วมแสดงรวมกว่า 1,280 ตัว”

ผศ.นูรีดา จะปะกียา หัวหน้าโครงการวิจัยการยกระดับเศรษฐกิจสร้างสรรค์บนฐานทุนพหุวัฒนธรรมว่าวบูรงนิบง สู่เทศกาลวัฒนธรรมจังหวัดยะลา มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา ชี้แจงเพิ่มเติมว่า  “ว่าวบูรงนิบง” หรือ ว่าวเบอร์อามัส เป็นที่รู้จักในนามว่าวทองแห่งมลายู ถือเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่มีมาอย่างยาวนาน บ่งบอกถึงอัตลักษณ์ของคนเชื้อสายมลายูสามจังหวัดชายแดนภาคใต้

“โครงการวิจัยนี้ เป็นการสืบสาน ฟื้นฟู รักษา และต่อยอด ขยายผลองค์ความรู้ที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมอันน่าภาคภูมิใจของลูกหลานคนมลายูสามจังหวัดชายแดนใต้ในการทำว่าว-นำเรื่องเล่าที่สูญหายในพื้นที่ ตลอดจนกรรมวิธีการทำว่าว ลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ นำไปพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ที่มาจากรากทางวัฒนธรรมของท้องถิ่น และส่งต่อสู่ลูกหลานเป็นการสืบสานศิลปะภูมิปัญญาท้องถิ่นใต้ โดยนำลวดลายที่เป็นอัตลักษณ์ของว่าวบูรงนิบง  มาพัฒนาสร้างต้นแบบผลิตภัณฑ์ เสื้อ กระเป๋า และอยู่ระหว่างดำเนินการขอจดสิทธิบัตร ขณะเดียวกันก็ผลักดันเทศกาลว่าวนานาชาติ ให้ยกระดับเทศกาลวัฒนธรรมประจำของจังหวัดยะลา เพื่้อความยั่งยืน”

ผศ.นูรีดา กล่าวด้วยว่าโครงการวิจัยยกระดับเศรษฐกิจสร้างสรรค์บนฐานทุนพหุวัฒนธรรมว่าวบูรงนิบง สู่เทศกาลวัฒนธรรมจังหวัดยะลานี้ จะก่อเกิดผลลัพธ์หลายมิติ ทั้งการสร้างกลไกประชาคมเครือข่ายว่าวบูรงนิบง การเสริมพลังทุนทางวัฒนธรรม และสืบสานคุณค่าทุนทางวัฒนธรรม และเป็นรากฐานสำคัญในการการสร้างความมั่นคงแก่เศรษฐกิจชุมชน เศรษฐกิจฐานรากในระดับพื้นที่

ดร.สีลาภรณ์  บัวสาย ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการที่ปรึกษาการขับเคลื่อนวิทยสถาน “ธัชภูมิ” เพื่อการพัฒนาพื้นที่ บพท. กล่าวว่า โครงการวิจัยของมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา เป็นการ “ฟื้นคุณค่า สร้างมูลค่า สร้างความยั่งยืน” ยกระดับเศรษฐกิจสร้างสรรค์บนฐานทุนพหุวัฒนธรรมในพื้นที่ชายแดนใต้ โดยใช้ทุนทางวัฒนธรรม” (Cultural Capital) ฟื้นคุณค่าของทุนที่เป็นเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของท้องถิ่น จะเป็นการกระตุ้นให้เจ้าของทุนทางวัฒนธรรมเกิดความภาคภูมิใจและสำนึกท้องถิ่น การหนุนเสริมให้เกิดระบบการจัดการผ่านการสร้างพื้นที่ตลาดวัฒนธรรมและย่านวัฒนธรรม สามารถนำไปสู่การสร้างมูลค่าใหม่ เกิดการสร้างงาน สร้างอาชีพ และรายได้ ถือเป็นการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่โดยใช้วัฒนธรรมเป็นตัวจักรขับเคลื่อนที่เรียกกันว่า “เศรษฐกิจฐานวัฒนธรรม” (Cultural Economy) ซึ่งจะทำให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนนำไปบำรุงรักษาทุนเดิม ส่งเสริมให้เกิดการสืบทอดทุนทางวัฒนธรรมไปยังคนรุ่นหลังต่อไป ใช้องค์ความรู้ในพื้นที่ (Area Based Knowledge) มาพัฒนาพื้นที่

งานมหกรรมว่าวนานาชาติครั้งปฐมฤกษ์ของจังหวัดยะลา ได้รับเกียรติจากที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม พญ.เพชรดาว โต๊ะมีนา ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดยะลา นายกเทศมนตรีเทศบาลนครยะลา เข้าร่วมในพิธีเปิดงาน

สถิติการเข้าชม