ชื่อโครงการ
การยกระดับการศึกษาด้วยนวัตกรรมท้องถิ่นเพื่อคุณภาพการศึกษาของเด็ก เยาวชนและ คนในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรีคำสำคัญ
นวัตกรรมท้องถิ่น,การยกระดับการศึกษาบทคัดย่อ
ชุดโครงการวิจัยเรื่อง “การยกระดับการศึกษาด้วยนวัตกรรมท้องถิ่นเพื่อคุณภาพการศึกษาของเด็ก เยาวชนและคนในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี” กำหนดวัตถุประสงค์ของชุดโครงการไว้คือ
1) เพื่อออกแบบให้ผู้เกี่ยวข้องกับการศึกษา ทั้งผู้เรียน ครู โรงเรียน และชุมชน มีส่วนร่วมในการดำเนินการวิจัยเพื่อยกระดับการศึกษาด้วยนวัตกรรมท้องถิ่น
2) เพื่อศึกษาการปฏิบัติที่ดีและถอดบทเรียน
3) เพื่อสังเคราะห์องค์ความรู้จากการดำเนินงานชุดโครงการวิจัย
4) เพื่อจัดทำคู่มือเผยแพร่นวัตกรรมจากการวิจัยในพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาแบบออนไลน์
ในชุดโครงการประกอบด้วยโครงการวิจัยย่อย 6 โครงการ ซึ่งอาศัยเหตุผลเชิงทฤษฎีในการยกระดับการศึกษาที่ต้องครอบคลุมถึงองค์ประกอบสำคัญของการจัดการศึกษาคือ การพัฒนาหลักสูตร การพัฒนาครู การพัฒนากิจกรรมการเรียนการสอน สื่อเทคโนโลยี และการพัฒนาผู้เรียน โดยมีเป้าหมายที่สำคัญคือการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาของผู้เรียนให้สูงขึ้น เพื่อแก้ปัญหาคุณภาพการศึกษาของจังหวัดกาญจนบุรีที่ยังไม่เป็นไปตามเป้าหมายทั้งในระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา ชุดโครงการวิจัยยังมุ่งศึกษาการพัฒนาทักษะสำคัญที่จำเป็นต่อการแสวงหาความรู้และการทำงานอาชีพ เพื่อให้ผู้เรียนมีโอกาสในการเรียนรู้และโอกาสในงานอาชีพเพิ่มมากขึ้น อันเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะนำไปสู่การเรียนรู้ตลอดชีวิตและการประกอบอาชีพในอนาคต พัฒนาครูให้กล้าคิดและสามารถออกแบบหลักสูตรรวมถึงการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบบูรณาการได้ โดยการนำของผู้บริหารที่พร้อมนำการเปลี่ยนแปลงและความร่วมมือจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในพื้นที่ โดยมีมหาวิทยาลัยเป็นพี่เสี้ยงในการพัฒนานวัตกรรมร่วมกัน เป็นความพยายามในการยกระดับการศึกษาของพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาจังหวัดกาญจนบุรีทั้งระบบ สำหรับโครงการวิจัยย่อยทั้ง 6 โครงการประกอบด้วย
1) การศึกษาการสร้างระบบ กลไก รูปแบบเครือข่ายการจัดการศึกษาแบบมีส่วนร่วมของพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี
2) การพัฒนาหลักสูตร พหุวิทยาการและรูปแบบการจัดการเรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านอาชีพเชิงรุก เพื่อส่งเสริมทักษะอาชีพและการเรียนรู้เชิงผลิตภาพของผู้เรียนในจังหวัดกาญจนบุรี
3) รูปแบบการพัฒนาสมรรถนะครูด้านการจัดการเรียนรู้และการวิจัยเพื่อส่งเสริมการสร้างนวัตกรรมการศึกษาของครูโดยใช้กระบวนการคิดเชิงออกแบบในพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา จังหวัดกาญจนบุรี
4) การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ ภูมิปัญญาท้องถิ่นด้วยแอปพลิเคชันแหล่งเรียนรู้ดิจิทัล เพื่อส่งเสริมทักษะการเรียนรู้และนวัตกรรมของผู้เรียนในเขตพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา จังหวัดกาญจนบุรี
5) การพัฒนารูปแบบชุมชนแห่งการเรียนรู้เชิงวิชาชีพและการจัดการความรู้เพื่อสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้และทักษะเชิงวิชาชีพของผู้เรียนในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี
6) การพัฒนารูปแบบการสร้างนวัตกรรมนักเล่าเรื่องสื่อความหมาย และนันทนาการชุมชนเพื่อเสริมสร้างประสบการณ์ทักษะอาชีพและการเรียนรู้ตลอดชีวิตของผู้เรียนในจังหวัดกาญจนบุรี
ในการดำเนินการวิจัยของโครงการวิจัยย่อยใช้ระเบียบวิธีการวิจัยแบบ การวิจัยและพัฒนา (Research and Development: R&D) และการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม (Participatory Action Research: PAR) เก็บรวบรวมข้อมูลแบบผสานวิธีวิจัย (Mixed Methods) เพื่อรวบรวมข้อมูลทั้งเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพจากโรงเรียนนำร่อง 41 โรงเรียน และโรงเรียนนอกรายชื่อโรงเรียนนำร่องในจังหวัดกาญจนบุรีอีก 13 โรงเรียน รวม 54 โรงเรียน เพื่อให้ได้ผลผลิต (Output) สำคัญคือนวัตกรรมทางการศึกษา 6 นวัตกรรมที่ผ่านการรับรองและทดลองใช้ในพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาจังหวัดกาญจนบุรีและสามารถนำไปต่อยอด ขยายผลได้ เกิดผลลัพธ์คือ สถานศึกษาไม่น้อยกว่า 50 แห่งในจังหวัดกาญจนบุรีมีผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาของนักเรียนสูงขึ้น และเด็ก เยาวชน คนในพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาจังหวัดกาญจนบุรีมีโอกาสในการเรียนรู้เพิ่มขึ้น สรุปผลการศึกษา ผลการศึกษาของชุดโครงการวิจัยตามวัตถุประสงค์ของการวิจัยคือ ผลการพัฒนานวัตกรรม 6 โครงการ ผลการศึกษาการปฏิบัติที่ดี ผลการถอดบทเรียน ที่รวบรวมข้อมูลจากการจัดประชุมร่วมกับ Core Team ประกอบด้วย ผู้บริหารสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาการศึกษา ผู้บริหารโรงเรียน ศึกษานิเทศก์ จากการจัดเวทีนำเสนอนวัตกรรมร่วมกับพื้นที่และเสวนาแบบออนไลน์ และจากการวิเคราะห์ข้อมูลจากแบบสอบถามออนไลน์ ผลการสังเคราะห์องค์ความรู้จากการวิจัย และการจัดทำคู่มือเผยแพร่นวัตกรรมจากการวิจัยสรุปได้ดังนี้
1. ผลการออกแบบพัฒนานวัตกรรม ผลการศึกษาตามวัตถุประสงค์การวิจัยข้อที่ 1 เพื่อออกแบบให้ผู้เกี่ยวข้องกับการศึกษา ได้แก่ ผู้เรียน ครู โรงเรียน และชุมชน เข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินการวิจัยเพื่อยกระดับการศึกษาด้วยนวัตกรรมท้องถิ่น เกิดผลผลิตจากการวิจัยที่ผ่านการรับรองและพร้อมขยายผลคือ นวัตกรรมทางการศึกษา 6 นวัตกรรม ประกอบไปด้วย นวัตกรรมที่
1) ระบบกลไก รูปแบบเครือข่ายการจัดการศึกษาแบบมีส่วนร่วมของพื้นที่การศึกษาจังหวัดกาญจนบุรี นวัตกรรมที่
2) รูปแบบหลักสูตรพหุวิทยาการและรูปแบบการจัดการเรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านอาชีพเชิงรุกเพื่อส่งเสริมทักษะอาชีพและการเรียนรู้เชิงผลิตภาพของผู้เรียนในจังหวัดกาญจนบุรี นวัตกรรมที่
3) รูปแบบการพัฒนาสมรรถนะครูด้านการจัดการเรียนรู้และการวิจัยเพื่อส่งเสริมการสร้างนวัตกรรมการศึกษาของครูโดยใช้กระบวนการคิดเชิงออกแบบในพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา จังหวัดกาญจนบุรี นวัตกรรมที่
4) รูปแบบการจัดการเรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นด้วยแอปพลิเคชันแหล่งเรียนรู้ดิจิทัล เพื่อส่งเสริมทักษะการเรียนรู้นวัตกรรมของผู้เรียนในเขตพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา จังหวัดกาญจนบุรี นวัตกรรมที่
5) รูปแบบชุมชนแห่งการเรียนรู้เชิงวิชาชีพและการจัดการความรู้เพื่อ สร้างสังคมแห่งการเรียนรู้และทักษะเชิงวิชาชีพของผู้เรียนในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี และนวัตกรรมที่
6) รูปแบบการสร้างนวัตกรรมนักเล่าเรื่อง สื่อความหมาย และนันทนาการชุมชนเพื่อเสริมสร้างประสบการณ์ทักษะอาชีพและการเรียนรู้ตลอดชีวิตของผู้เรียนในจังหวัดกาญจนบุรี
ผลการพัฒนานวัตกรรมของโครงการวิจัยย่อยทั้ง 6 โครงการ มีข้อค้นพบที่สำคัญดังนี้ 1. พบองค์ประกอบของระบบการจัดการศึกษาแบบมีส่วนร่วมของพื้นที่การศึกษา จังหวัดกาญจนบุรี ประกอบด้วย 2 องค์ประกอบ ได้แก่
1) ระบบการบริหารจัดการเครือข่าย
2) ข้อตกลงหรือพันธสัญญาในเครือข่าย
รูปแบบเครือข่ายการจัดการศึกษาแบบมีส่วนร่วมของพื้นที่การศึกษา จังหวัดกาญจนบุรี ในด้าน เกณฑ์และตัวชี้วัดระบบ กลไก รูปเครือข่ายการจัดการศึกษาแบบมีส่วนร่วมของพื้นที่การศึกษา ได้แก่
1) ด้านปัจจัยนำเข้า ประกอบด้วย วิสัยทัศน์ นโยบาย แผนกลยุทธ์ สมรรถนะผู้บริหาร บทบาทของครู บทบาทของกรรมการสถานศึกษา ภาคีเครือข่าย และโครงสร้างเครือข่ายความร่วมมือ
2) ด้านกระบวนการ ประกอบด้วย การบริหารจัดการเครือข่ายที่ดี ได้แก่ การมีแผนงาน/โครงการ/กิจกรรมประจำปีร่วมกับภาคีเครือข่าย มีการดำเนินการตามแผน มีการติดตาม ตรวจสอบ ประเมินผล และมีการรายงานความสำเร็จให้ภาคีเครือข่าย
3) ด้านผลผลิต ประกอบด้วย นวัตกรรมการบริหาร นวัตกรรมการจัดการเรียนการรู้ของครู นวัตกรรมการเรียนรู้ของนักเรียน และคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้เรียน
2. ทักษะสำคัญในการพัฒนาหลักสูตรและการจัดการเรียนรู้ของครูในโรงเรียนนำร่องพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา ครูควรได้รับการพัฒนาปรับปรุงทักษะเดิม (Upskill) ได้แก่ การสร้างหรือพัฒนาหลักสูตรเชิงระบบ (Curricula Development) และการนำหลักสูตรไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพ (Curriculum Implementation) ทักษะด้านการพัฒนาหลักสูตรที่ครูควรได้รับการเพิ่มทักษะใหม่ (Reskill) ได้แก่ การพัฒนานวัตกรรมด้านหลักสูตร การออกแบบหลักสูตร (Curriculum Design) การวางแผนหลักสูตร (Curriculum Planning) การพัฒนาหลักสูตรบูรณาการ และการประเมินหลักสูตร โดยทักษะด้านการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่ครูควรได้รับการปรับปรุงทักษะเดิม (Upskill) ได้แก่ การจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) การประเมินการเรียนรู้เชิงรุก ทักษะด้านการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่ครูควรได้รับการเพิ่มทักษะใหม่ (Reskill) ได้แก่ การพัฒนานวัตกรรมการเรียนรู้ การออกแบบการเรียนการสอนเชิงระบบ (Instructional System Design) และการพัฒนาและนำเสนอรูปแบบการสอน (Teaching Model) ซึ่งเป็นทักษะที่จะช่วยให้ครูสามารถนำมาใช้เพื่อพัฒนานวัตกรรมในโรงเรียนนำร่องพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา
3. รูปแบบการพัฒนาสมรรถนะครูด้านการจัดการเรียนรู้และการวิจัยเพื่อส่งเสริมการสร้างนวัตกรรมการศึกษาของครูโดยใช้กระบวนการคิดเชิงออกแบบในพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา จังหวัดกาญจนบุรี ประกอบด้วย หลักการ วัตถุประสงค์ สาระและกระบวนการ 4 ขั้นตอน ได้แก่
1) ร่วมเรียนรู้
2) นำสู่การปฏิบัติ
3) ติดตาม หนุนเสริม
4) สะท้อนผล
ผลการศึกษาสมรรถนะครูด้านการจัดการเรียนรู้และการวิจัย พบว่า สมรรถนะด้านการจัดการเรียนรู้และสร้างนวัตกรรมของครูรวมทั้งสมรรถนะด้านการวิจัยอยู่ในระดับดี โดยนวัตกรรมการศึกษาของครูส่วนใหญ่เป็นวิธีการจัดการเรียนรู้ กิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญและส่งเสริมให้ผู้เรียนได้สร้างสรรค์นวัตกรรมที่สะท้อนความรู้ และทักษะของผู้เรียน 4. รูปแบบการจัดการเรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นด้วยแอปพลิเคชันแหล่งเรียนรู้ดิจิทัล มี 4 องค์ประกอบ คือ
1) บุคคลที่เกี่ยวข้อง
2) เป้าหมายการจัดการเรียนรู้
3) เนื้อหาภูมิปัญญาท้องถิ่น
4) แอปพลิเคชันแหล่งเรียนรู้ดิจิทัล
กระบวนการจัดการเรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นด้วยแอปพลิเคชันแหล่งเรียนรู้ดิจิทัล มี 5 ขั้นตอนประกอบด้วย
ขั้นตอนที่ 1 แนะนำชี้แจง สร้างสังคมเครือข่าย
ขั้นตอนที่ 2 อบรมเรียนรู้ มุ่งสู่นวัตกรรม
ขั้นตอนที่ 3 สำรวจภูมิปัญญา วิธีการดำเนินชีวิต
ขั้นตอนที่ 4 สร้างสรรค์ผลงาน ถ่ายทอดเรื่องราวท้องถิ่น
ขั้นตอนที่ 5 เผยแพร่ความรู้ มุ่งสู่อาชีพ
5. รูปแบบชุมชนแห่งการเรียนรู้เชิงวิชาชีพและการจัดการความรู้เพื่อสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้และทักษะเชิงวิชาชีพของผู้เรียนเป็นการบูรณาการกระบวนการของชุมชนการเรียนรู้เชิงวิชาชีพ (PLC) และการจัดการความรู้ (KM) เข้าด้วยกัน มี 6 ขั้นตอนที่ครูเป็นผู้ดำเนินการคือ
1) รวบรวมข้อมูลพื้นฐาน
2) ร่วมคิดออกแบบพัฒนา
3) นำไปทดลองใช้
4) วิเคราะห์ผล สะท้อนกลับ
5) ทดลองใหม่ หาแนวทางพัฒนา
6) จัดระบบความรู้ในสิ่งใหม่
โดยในขั้นตอนที่ 3 ของ PLC ได้ประยุกต์ใช้กระบวนการ KM 6 ขั้นตอนที่นักเรียนต้องปฏิบัติคือ
1) การกำหนดเป้าหมายของสิ่งที่ต้องการรู้
2) การแสวงหาความรู้
3) การจัดเก็บความรู้ให้เป็นระบบ
4) การวิเคราะห์และกลั่นกรองความรู้
5) การแลกเปลี่ยนเรียนรู้
6) การประยุกต์ใช้ความรู้
โดยรูปแบบชุมชนแห่งการเรียนรู้เชิงวิชาชีพและการจัดการความรู้ที่พัฒนาขึ้นนี้ผ่านความเห็นชอบของผู้เชี่ยวชาญว่ามีความเหมาะสมในระดับมาก และผลจากการทดลองใช้พบว่าสามารถนำไปใช้เพื่อพัฒนาผู้เรียนได้เป็นอย่างดี
6. ผลการค้นหา คัดเลือกพื้นที่ที่มีความพร้อมในการพัฒนานักเล่าเรื่องจากการสำรวจแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดกาญจนบุรีในชุมชนรอบโรงเรียน ได้แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ 15 แหล่ง ได้หลักสูตรและคู่มือการฝึกอบรมนักเล่าเรื่อง เป็นหลักสูตรฝึกอบรม 2 วัน ประกอบด้วยภาคทฤษฎี 6 ชั่วโมงและภาคปฏิบัติ 6 ชั่วโมง รวม 12 ชั่วโมง โดยผลการพัฒนารูปแบบการสร้างนักเล่าเรื่อง สื่อความหมาย และกิจกรรมนันทนาการชุมชนได้รูปแบบ “EDU-KANS Model” ประกอบองค์ประกอบสำคัญคือ
1) Effort – E (ความอุตสาหะ)
2) Driving Forces – D (แรงขับ/พลังภายใน)
3) Universal – U (ความเป็นสากล)
4) Knowledge Inquiry for Experience – K (การแสวงหาความรู้จากประสบการณ์)
5) Attraction -A (แหล่งท่องเที่ยวที่มีเสน่ห์)
6) Networking – N (เครือข่ายวิชาการ)
7) Self – developing -S (การพัฒนาตนเอง)
ที่ผ่านการรับรองจากผู้ทรงคุณวุฒิ สำหรับกิจกรรมนันทนาการชุมชนโดยใช้กิจกรรมสร้างสรรค์บอร์ดเกมเพื่อการเรียนรู้ใช้วิธีการประเมินผลจากการสร้างชิ้นงานที่ของผู้เรียนแต่ละกลุ่มภายหลังการอบรม 4 ครั้ง พบว่า ผู้เรียนสามารถสร้างบอร์ดเกมเพื่อการเรียนรู้ด้านต่าง ๆ ที่สอดคล้องกับบริบทของจังหวัดกาญจนบุรีได้สำเร็จกลุ่มละ 1 เกม สามารถคิดเรื่องราวทั้งทางประวัติศาสตร์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของจังหวัดกาญจนบุรีได้ในระดับดีมาก สรุปความเชื่อมโยงของนวัตกรรมทางการศึกษาที่เป็นผลผลิตของชุดโครงการวิจัย รวมทั้งผลลัพธ์ที่ได้จากชุดโครงการวิจัย ดังแสดงในแผนภาพ ก แผนภาพ ก ความเชื่อมโยงของผลผลิตและผลลัพธ์จากชุดโครงการวิจัย จากแผนภาพ ก นวัตกรรมที่เป็นผลผลิตจากชุดโครงการวิจัย 6 นวัตกรรม ได้แก่
1) ระบบกลไก รูปแบบเครือข่ายการจัดการศึกษา
2) รูปแบบการพัฒนาหลักสูตรพหุวิทยาการ
3) รูปแบบการพัฒนาสมรรถนะครู
4) รูปแบบการจัดการเรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นด้วยแอปพลิเคชันแหล่งเรียนรู้ดิจิทัล
5) รูปแบบชุมชนแห่งการเรียนรู้เชิงวิชาชีพและการจัดการความรู้
6) รูปแบบการสร้างนักเล่าเรื่อง สื่อความหมาย และนันทนาการชุมชน
ซึ่งได้พัฒนาและทดลองใช้ในโรงเรียนนำร่องพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา โดยมีผู้บริหารโรงเรียนและครูเป็นหลักในการนำนวัตกรรมไปใช้พัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาของผู้เรียนให้สูงขึ้น ให้เด็กและเยาวชนมีโอกาสทางการศึกษาเพิ่มมากขึ้น ผ่านกระบวนการจัดการศึกษาและกิจกรรมการเรียนรู้ ซึ่งทั้ง 6 นวัตกรรมนี้สามารถขับเคลื่อนได้อย่างประสบผลสำเร็จได้เนื่องจากปัจจัยสนับสนุนสำคัญซึ่งเป็นศักยภาพของพื้นที่ที่เห็นผลชัดเจนขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมจากการรว่มมอกันในการดำเนินงานชุดโครงการวิจัย ได้แก่ การมีแกนนำหลัก (Core Team) มีผู้นำต้นแบบ (Leadership) ซึ่งสมรรถนะสำคัญของผู้บริหาร อาทิ การเป็นผู้นำที่พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง (Transformational Leadership) มีวิสัยทัศน์ (Visionary Leadership) รู้จักเสริมพลัง (Empowering) ให้กับผู้ปฏิบัติงาน มีการบริหารองค์กรแนวราบ (Horizontal administration) มีการสร้างเครือข่าย (Networking) การมีระบบพี่เลี้ยง (Coaching System) ปัจจัยเหล่านี้จะช่วยหนุนเสริมและผลักดันให้เกิดการขับเคลื่อนการใช้นวัตกรรมการศึกษาในพื้นที่ให้ประสบผลสำเร็จ โดยเฉพาะในโรงเรียนต้นแบบที่เป็นแกนนำ (Leading School) ที่ร่วมพัฒนานวัตกรรมการศึกษาครั้งนี้ สำหรับผลลัพธ์ของชุดโครงการ คือนวัตกรรมทางการศึกษาที่พัฒนาขึ้นและสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในโรงเรียนำร่อง 41 โรงเรียน และโรงเรียนนอกรายชื่อโรงเรียนนำร่อง 13 โรงเรียน รวม 54 โรงเรียนเพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาของผู้เรียนที่รวมถึงความรู้ สมรรถนะ ทักษะ เจตคติ ให้สูงขึ้น เพิ่มโอกาสทางการศึกษาให้กับเด็ก เยาวชน และคนในพื้นที่มากขึ้น รวมทั้งสามารถนำไปต่อยอดขยายผลในโรงเรียนอื่น ๆ ในพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาได้ โดยในขั้นตอนของการทดลองใช้นวัตกรรมได้ทดลองใช้ในโรงเรียนรวม 27 โรงเรียน ในจำนวนนี้เปีนโรงเรียนนำร่อง 25 โรงเรียน คิดเป็นร้อยละ 60.98 ของจำนวนโรงเรียนนำร่องทั้งหมดจาก 41 โรงเรียน และในระยะการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อต่อยอดและขยายผลนวัตกรรม มีโรงเรียนนำร่องและโรงเรียนในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรีเข้าร่วมประชุมแลกเปลี่ยนเรียนรู้รวม 54 แห่ง ผู้เข้าร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากหน่วยงานต่าง ๆ ในพื้นที่และนักวิจัยรวม 100 รายชื่อ
2. ผลการปฏิบัติที่ดีและถอดบทเรียน
2.1 ผลการปฏิบัติที่ดีจากชุดโครงการวิจัย ผลจากการศึกษาการปฏิบัติที่ดี (Good Practice) ในภาพรวมของโรงเรียนนำร่องพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาจังหวัดกาญจนบุรี พบประเด็นสำคัญ ดังนี้
2.1.1 การเติบโตของความคิด (Growth Mindsets) ของผู้บริหารโรงเรียน ของผู้บริหารระดับเขตพื้นที่การศึกษาทั้งระดับมัธยมศึกษาและประถมศึกษา ผู้บริหารเป็นต้นแบบของการปรับเปลี่ยน Mindsets และมี Growth Mindsets
2.1.2 Core Team การมี Core Team (ทีมงานหลัก) หรือผู้นำที่เป็นแกนหลักนับเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาจังหวัดกาญจนบุรี ผู้นำทีมจะเป็นผู้ประสานงานหลัก ร่วมวางแผน คอยแนะนำให้คำปรึกษา ร่วมดำเนินการและขับเคลื่อน และติดตามงานให้เป็นตามเป้าหมายของทีมที่กำหนดไว้ Core Team ของพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาจังหวัดกาญจนบุรีประกอบด้วย ผู้บริหารการศึกษาในเขตพื้นที่การศึกษาและผู้บริหารโรงเรียนเป็นแกนนำ เกิดเปีน Core Team อย่างไม่เป็นทางการ
2.1.3 การเป็นนวัตกร (Innovator) การพัฒนานัวตกรรมการศึกษาร่วมกันในพื้นที่ทำให้ผู้บริหารของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ผู้บริหารโรงเรียน และครู มีนวัตกรรมการศึกษาของตนเองและสามารถผลิตนวัตกรรมได้เอง เป็นการสร้างนวัตกรขึ้นในพื้นที่ ทั้งยังสนับสนุนส่งเสริมให้นักเรียนสามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมได้เช่นกัน
2.1.4 ผู้นำแห่งการเปลี่ยนแปลง (Transformational Leadership) และผู้นำแห่งการเรียนรู้ (Transformation learning) เป็นสมรรถนะผู้นำของโรงเรียนนำร่องที่กล้าคิดนอกกรอบของการจัดการศึกษาแบบเดิม กล้าคิดใหม่ ลองทำใหม่เพื่อนำไปขับเคลื่อนและปฏิบัติร่วมกับครู ผู้นำจึงนับว่ามีบทบาทสำคัญในการพัฒนาพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา
2.1.5 การจัดการให้เป็นไปตามข้อตกลงร่วมกัน (Commitment Management) เป็นเรื่องสำคัญที่ผู้บริหารโรงเรียนของนำร่องพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาที่เป็นแกนนำใช้ในการบริหารจัดการให้การพัฒนางานเป็นไปตามนโยบาย เป้าหมาย และพันธกิจขององค์กร โดยคำนึงถึงความต้องการของบุคลากรในองค์กรและภายนอกองค์กร รวมถึงการทำงานของผู้บริหารระดับเขตพื้นที่ในการมุ่งมั่นการทำงานให้ประสบผลสำเร็จ โดยมีข้อตกลงร่วมกันหรือมี Commitment ร่วมกัน
2.1.6 หุ้นส่วน (Partnership) การเป็นหุ้นส่วนทางวิชาการ (Academic Partnership) ในความร่วมมือทางวิชาการผ่าน MOU (Memorandum of Understanding) และ MOA (Memorandum of Association) ระหว่างหน่วยงานในพื้นที่ ทั้งระดับจังหวัด ระดับเขตพื้นที่ และระดับโรงเรียน กับมหาวิทยาลัยศิลปากรผ่านการทำงานร่วมกันเป็นภาคีเครือข่าย เปีนศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัย และมีมหาวิทยาลัยเป็นพี่เลี้ยงให้กับโรงเรียนเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิบัติที่ดี นอกจากการเป็นหุ้นส่วนทางวิชาการกับหน่วยงานภายนอกแล้ว การปฏิบัติที่ดีของโรงเรียนนำร่องพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาจังหวัดกาญจนบุรึอีกประการหนึ่งคือ การเป็นหุ้นส่วนร่วมมือช่วยเหลือกันระหว่างโรงเรียนำร่องกับโรงเรียนนำร่อง และระหว่างโรงเรียนนำร่องกับโรงเรียนอื่น ๆ ในพื้นที่ เป็นความช่วยเหลือในลักษณะพี่ช่วยน้อง โดยโรงเรียนขนาดใหญ่ที่มีความพร้อมและมีศักยภาพมากกว่าได้ช่วยเหลือโรงเรียนขนาดเล็กที่ยังขาดแคลนงบประมาณและบุคลากรเฉพาะด้าน เช่น ขาดครูสอนภาษาชาวต่างชาติ โรงเรียนที่มีความพร้อมได้ให้การช่วยเหลือโรงเรียนขนาดเล็กโดยการส่งครูชาวต่างชาติไปสอนให้ รวมทั้งสนับสนุนพาหนะในการเดินทางโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใด ๆ ตัวอย่างเช่น โรงเรียน กาญจนานุเคราะห์ที่ให้ความช่วยเหลือโรงเรียนขนาดเล็กในพื้นที่ หรือมีความร่วมมือกันในกลุ่มโรงเรียนนำร่องที่รับนักเรียนที่จบชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นที่มีความสามารถเฉพาะด้าน เช่น ด้านกีฬามาเรียนต่อในชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย เป็นการรับตรงไม่ต้องผ่านกระบวนการสอบคัดเลือก
2.1.7 วิสัยทัศน์ของผู้บริหาร การมีวิสัยทัศน์ของผู้บริหาร (Visionary Leadership) ในระดับเขตพื้นที่การศึกษา และระดับโรงเรียนในบางโรงเรียน นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของการขับเคลื่อนและพัฒนาพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาจังหวัดกาญจนบุรี แม้ว่าจะเป็นเพียงกลุ่มเล็ก ๆ ในระยะเริ่มแรก มีการรวมกลุ่มกันอย่างไม่เป็นทางการแต่ก็นำไปสู่แนวคิดใหม่ ๆ ในการจัดการศึกษา เช่น การเปิดหลักสูตรใหม่ มีแนวคิดในการจัดการเรียนรู้แบบพรีดีกรี (Pre degree) ร่วมกับมหาวิทยาลัย มีการเปิดโปรแกรมการเรียนที่ตอบสนองความต้องการในการประกอบอาชีพของผู้เรียนมากขึ้น ซึ่งนับเป็นการปฏิบัติที่ของพื้นที่ 2.1.8 การให้โอกาสทางการศึกษา การปฏิบัติที่ดีที่นับจุดเด่นที่สำคัญและน่าชื่นชมอีกประการหนึ่งของพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาจังหวัดกาญจนบุรีคือ การให้โอกาสทางการศึกษา โดยผู้บริหารโรงเรียนมีนโยบายในการรับนักเรียนที่ออกกลางคันกลับเข้ามาเรียน โดยโรงเรียนรับเด็กกลุ่มนี้เข้ามาเรียนโดยไม่เก็บค่าเล่าเรียน นับเป็นตัวอย่างที่ดียิ่งในการให้โอกาสทางการศึกษากับผู้ที่ขาดโอกาส ตัวอย่างเช่น โรงเรียน เทพมงคลรังษี ซึ่งเป็นโรงเรียนระดับมัธยมศึกษา
2.2 ผลการถอดบทเรียนและการปฏิบิที่ดีจากโครงการวิจัยย่อย สรุปได้ดังนี้
2.2.1 ระบบ กลไก รูปแบบเครือข่ายการจัดการศึกษาแบบมีส่วนร่วมของพื้นที่นวัตกรรม การศึกษาจังหวัดกาญจนบุรี มีกลไกเชื่อมโยงการทำงานในระดับเขตพื้นที่การศึกษา สถานศึกษาและชุมชนที่เป็นตัวอย่างที่ดี โดยมี Core Team ซึ่งประกอบด้วยผู้บริหารสำงานเขตพื้นที่การศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษา เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การขับเคลื่อนงานประสบผลสำเร็จ เกิดการรวมกลุ่มกันอย่างไม่เป็นทางการ และมีทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยเข้ามาช่วยสนับสนุน อย่างไรก็ตาม ระบบ กลไก รูปแบบเครือข่ายการทำงานของพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาจังหวัดกาญจนบุรีในระยะต่อ ๆ ไป (ดังแสดงในแผนภาพที่ 1) มีความจำเป็นที่จะต้องได้รับการพัฒนาให้มีการขับเคลื่อนอย่างเต็มศักยภาพ โดยมีปัจจัยและเงื่อนไขสำคัญ 2 ปัจจัย ได้แก่ ปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก ปัจจัยภายใน ได้แก่
1) ผู้บริหารสถานศึกษา ที่ต้องเป็นผู้นำที่มีความกระตือรือร้นในการทำงาน สร้างแรงบันดาลใจให้กับครู สร้างเจตคติที่ดีและคิดในเชิงบวก กระตุ้นจิตวิญญาณของครูเพื่อปรับการเรียนเปลี่ยนการสอนที่หลากหลายโดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ตามความต้องการและศักยภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน และแสวงหาภาคีเครือข่ายความร่วมมือทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ประสานกับภาคีเครือข่าย เป็นผู้ที่มีวิสัยทัศน์ กล้าคิด กล้าทำ กล้าปรับเปลี่ยนหลักสูตรการเรียนการสอนจากเดิมเป็นหลักสูตรฐานสมรรถนะที่ทำให้ผู้เรียนได้พัฒนาทักษะ ความรู้ ความสามารถ สอดคล้องกับศักยภาพของผู้เรียน สามารถนำปรับใช้ในการดำเนินชีวิตได้จริง รวมทั้งสามารถประกอบอาชีพได้ตามที่ต้องการ
2) ครู มีส่วนสำคัญอย่างมากเนื่องจากเป็นผู้ที่นำแผนปฏิบัติไปสู่การปฏิบัติงานตามภารกิจ รวมทั้งเป็นผู้ออกแบบการเรียนการสอนให้ตอบสนองต่อความต้องการของผู้เรียนเป็นสำคัญ
3) กรรมการสถานศึกษา มีส่วนสำคัญเช่นกัน เนื่องจากเป็นผู้กำหนดทิศทาง เป้าหมายของสถานศึกษาในระดับนโยบาย รวมทั้งส่งเสริม สนับสนุนการดำเนินงานของสถานศึกษาเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ บทบาทที่สำคัญอีกประการคือการระดมทรัพยากรทางการศึกษาทั้ง in cash และ in kind เพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา
4) สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา และสำนักงานศึกษาธิการจังหวัด เป็นหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญมากในการดำเนินงานต่อไป จึงควรมีการทำงานเชิงรุกเพื่อผลักดันและขับเคลื่อนการพัฒนางานด้านการศึกษาของจังหวัดให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ของพระราชบัญญัติพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา พ.ศ. 2562 โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดควรมีการแต่งตั้งหรือมอบหมายผู้รับผิดชอบการขับเคลื่อนงานพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาอย่างชัดเจน สร้างเครือข่ายของผู้บริหารและศึกษานิเทศก์เพื่อเชื่อมประสานระหว่างสถานศึกษา เขตพื้นที่การศึกษา เน้นโครงสร้างการทำงานที่เป็นแนวราบ ควรลดขั้นตอนการปฏิบัติงานที่ซ้ำซ้อน ลดการรายงานที่ซ้ำซ้อนเนื่องจากเป็นการสร้างภาระงานให้โรงเรียน แต่ขาดการวิเคราะห์หรือนำข้อมูลมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ลดการใช้ระเบียบ ข้อบังคับของระบบราชการ เน้นการทำงานที่มีประสิทธิภาพ คล่องตัว ควรมีการตั้งเป้าหมายการพัฒนาและยกระดับการศึกษาในภาพรวมของจังหวัด กำหนดคุณลักษณะหรือสมรรถนะของเยาวชน/ผู้เรียนของจังหวัดกาญจนบุรี ทั้งนี้ เพื่อให้สถานศึกษาได้วางแผนการดำเนินงานที่มุ่งไปสู่เป้าหมายปลายทางเดียวกัน สำหรับปัจจัยภายนอก ที่มีส่วนสำคัญที่ทำให้ระบบ กลไก รูปแบบเครือข่ายการจัดการศึกษาแบบมีส่วนร่วมของพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาจังหวัดกาญจนบุรีประสบผลสำเร็จ ได้แก่ 1) ชุมชน/ผู้ปกครอง 2) หน่วยงานภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน และภาคประชาชน สถานประกอบการที่มีส่วนร่วมในการส่งเสริมทักษะอาชีพของผู้เรียน ให้การสนับสนุนลักษณะต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น อุปกรณ์สื่อการเรียนการสอน สถานฝึกปฏิบัติการ การให้บุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญมาให้ความรู้ คำแนะนำ และฝึกอบรมให้แก่ผู้เรียนได้มีประสบการณ์ในการประกอบอาชีพ 2) สถาบันการศึกษา/สถาบันอุดมศึกษา มีส่วนสำคัญอย่างมากในบทบาทการเป็นพี่เลี้ยงหรือโค้ชให้กับสถานศึกษาทั้งในด้านการบริหารจัดการ ด้านการพัฒนาหลักสูตรฐานสมรรถนะ ด้านการจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning รูปแบบต่าง ๆ 3) ปัจจัยที่สำคัญที่สุดและสถานศึกษามีความต้องการมากที่สุด คือ การกระจายอำนาจให้กับสถานศึกษาเพื่อให้มีอิสระในการบริหารจัดการสถานศึกษาอย่างคล่องตัวและมีประสิทธิภาพ ในด้านการบริหารงานบุคคลโดยเฉพาะการสรรหา และการธำรงรักษาบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ การบริหารการเงินและงบประมาณที่คล่องตัวและสามารถตรวจสอบได้ การได้รับความเห็นชอบหลักสูตรสถานศึกษาในมาตรา 25 ตามพระราชบัญญัติพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา พ.ศ.2562 จะทำให้สถานศึกษาสามารถปลดล็อคเรื่องการบริหารจัดการหลักสูตร การจัดเวลาเรียน วิธีการวัดและประเมินผล การจัดหาสื่อ อุปกรณ์และตำราเรียนได้ ซึ่งจะทำให้การบริหารวิชาการเป็นไปได้อย่างคล่องตัวและสามารถนำมาปรับใช้ในสถานการณ์วิกฤตโรคระบาด Covid-19 หรือในสภาวการณ์ที่เกิดการเปลี่ยนอย่างรวดเร็วและส่งผลกระทบในวงกว้างได้อย่างเหมาะสม ทันต่อเหตุการณ์ และเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้เรียน ระบบ กลไก รูปแบบเครือข่ายเครือข่ายการจัดการศึกษาแบบมีส่วนร่วมของเขตพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาจังหวัดกาญจนบุรี ดังแสดงในแผนภาพ ข แผนภาพ ข ระบบ กลไก รูปแบบเครือข่ายเครือข่ายการจัดการศึกษาแบบมีส่วนร่วมของพื้นที่นวัตกรรม การศึกษาจังหวัดกาญจนบุรี
2.2.2 กลไกความสำเร็จในการพัฒนาครูให้มีความสามารถพัฒนาหลักสูตรพหุวิทยาการและการจัดการเรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านอาชีพ สามารถสังเคราะห์เป็นรูปแบบกระบวนการที่เรียกว่า 4 ส ประกอบด้วยการดำเนินการ 4 ระยะ ได้แก่
1) การสร้างเสริมสัมพันธภาพ
2) การสนับสนุนเติมเต็ม
3) การสร้างสรรค์หลักสูตรและการจัดการเรียนรู้ ซึ่งเป็นการออกแบบนวัตกรรมผ่านกระบวนการออกแบบ 4 ขั้นตอนย่อย คือ การวิเคราะห์ การออกแบบและพัฒนานวัตกรรม การนำนวัตกรรมไปใช้ และการประเมินและปรับปรุง
4) การสะท้อนความสำเร็จ โดยมีปัจจัยสนับสนุนคือ การสร้างความไว้วางใจ การมีส่วนร่วม การสืบสอบและสะท้อนคิดเชิงวิชาชีพ การเสริมพลัง และการให้คำแนะนำ (โค้ช)
2.2.3 ผลการปฏิบัติที่ดีของโรงเรียนที่เข้าร่วมการวิจัยพัฒนาสมรรถนะครูด้านการจัดการเรียนรู้และการวิจัย พบว่า ผู้บริหารโรงเรียนให้ความสำคัญกับการพัฒนาครูและการพัฒนาผู้เรียน และหนุนเสริมโดยให้ความสำคัญและร่วมขับเคลื่อนงานวิชาการ อันเป็นปัจจัยสำคัญในการยกระดับการศึกษา โดยเฉพาะในโรงเรียนขนาดเล็ก มีการขับเคลื่อนการพัฒนาทั้งโรงเรียน นอกจากนั้น ผู้บริหารโรงเรียนยังได้สะท้อนมุมมองการศึกษาไทยว่า ยุคศตวรรษที่ 21 การศึกษาจะเป็นไปเพื่อมุ่งพัฒนาความสามารถ ทักษะ และสมรรถนะที่จะใช้ชีวิตประจำวัน Design Thinking เป็นการตอบโจทย์การพัฒนาคนในศตวรรษที่ 21 คือ เด็กได้เรียนรู้จากการลงมือปฏิบัติจริง ได้คิดค้น ได้แก้ปัญหา ได้เรียนในสิ่งที่เด็กสนใจ ที่สำคัญที่สุด Design Thinking เป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้เด็กได้คิดค้น ได้สร้างสิ่งใหม่ ๆ ขึ้นมา ผู้เรียนและคุณครูมีความสุขสนุกสนานกับการเรียนรู้โดยใช้นวัตกรรมนี้ จึงน่าจะมีการเผยแพร่สู่โรงเรียน สถานศึกษาต่าง ๆ ให้เกิดกระบวนการเรียนสอนที่สร้างแรงบันดาลใจให้เด็กในการที่จะคิดค้นสิ่งใหม่ นอกจากนั้นยังพบว่า วัฒนธรรมองค์กรที่มีการร่วมมือร่วมพลัง โดยมีเป้าหมายในการพัฒนาวิชาชีพของครูและพัฒนาผู้เรียน ส่งเสริมให้การนำรูปแบบการพัฒนาสมรรถนะครูด้านการจัดการเรียนรู้และการวิจัย เพื่อส่งเสริมการสร้างนวัตกรรมการศึกษาของครูโดยใช้กระบวนการคิดเชิงออกแบบในพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาจังหวัดกาญจนบุรีไปใช้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากขึ้น และมีข้อสังเกตว่า โรงเรียนขนาดเล็กที่ครูและผู้บริหารมีการทำงานแบบร่วมมือรวมพลัง การมีวิสัยทัศน์ร่วมกันในการพัฒนาผู้เรียน ผ่านกลไกชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ ทำให้มีการขับเคลื่อนการพัฒนาครูและผู้เรียนที่เห็นผลได้อย่างชัดเจน
2.2.4 ผลการปฏิบัติที่ดีของการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นด้วย แอปพลิเคชันแหล่งเรียนรู้ดิจิทัล เพื่อส่งเสริมทักษะการเรียนรู้และนวัตกรรมของผู้เรียน พบว่า เป็นการเพิ่มโอกาสให้ผู้เรียนในการพัฒนาทักษะความเข้าใจ และใช้เทคโนโลยีดิจิทัล (Digital literacy) โดยการเข้าถึง (Access) ใช้งาน (Use) เข้าใจ (Understand) และสร้าง (Create) ผลงานออกมา ผู้เรียนมีความสามารถในการเรียนรู้ และเกิดทักษะการใช้งานนวัตกรรมสูงขึ้น จากการออกแบบ Infographic ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการศึกษา และส่งเสริมการเรียนรู้ตามอัธยาศัยของผู้เรียนอย่างไร้พรมแดน ไร้ข้อจำกัดในเรื่องเวลา และสถานที่ การนำเทคโนโลยีมาใช้ให้สอดคล้องกับยุคสมัย ย่อมจะช่วยให้ผู้เรียนได้พัฒนาทักษะการค้นคว้า การสืบค้นสารสนเทศ และตัดสินใจด้วยตนเอง และเกิดการยอมรับนวัตกรรม (Innovation acceptance) ใน
2.2.5 การใช้รูปแบบชุมชนแห่งการเรียนรู้เชิงวิชาชีพและการจัดการความรู้เพื่อสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้และทักษะเชิงวิชาชีพของผู้เรียนในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี พบว่า แนวทางพัฒนา ขับเคลื่อนการนำรูปแบบชุมชนแห่งการเรียนรู้เชิงวิชาชีพและการจัดการความรู้ฯ ไปใช้ให้เกิดประสิทธิภาพคือ การใช้กระบวนการของชุมชนแห่งการเรียนรู้เชิงวิชาชีพอย่างจริงจัง สร้างความร่วมมือในระดับโรงเรียนระหว่างผู้บริหาร ครู นักเรียน ชุมชน และความร่วมมือกับองค์กรวิชาชีพอื่นที่เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการเรียนรู้ และควรมีการติดตามผลระหว่างการปฏิบัติกิจกรรม มีการวางแผนการพัฒนาหรือแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในระหว่างการทำงาน การมีระบบพี่เลี้ยง และการถอดบทเรียนหลังการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อนำไปพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ในครั้งต่อไป
2.2.6 ผลการถอดบทเรียนจากการพัฒนานวัตกรรมนักเล่าเรื่อง สื่อความหมาย และ นันทนการชุมชน พบว่า กาญจนบุรีเป็นพื้นที่ที่มีความโดดเด่นมีเรื่องราวที่สามารถนำมาสร้างเรื่อเล่าได้เป็นอย่างดี ชุมชนเปรียบเสมือนห้องทดลองการเรียนรู้ ผู้เรียนสามารถใช้เวลาว่างในกิจกรรมนักเล่าเรื่อง สื่อความหมาย และนันทนาการชุมชนที่สามารถฝึกฝนทักษะอาชีพได้ด้วยตนเอง สามารถสร้างงาน สร้างรายได้และยึดเป็นอาชีพได้ในอนาคต รวมถึงส่งผลให้เกิดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนได้ ผลจากการพัฒนา นักเล่าเรื่อง สื่อความหมาย และนันทนาการชุมชนชี้ให้เห็นว่าการให้อำนาจอิสระในการพัฒนาการศึกษาในพื้นที่ด้วยรูปแบบ หลักสูตร คู่มือและการสร้างกลไกความร่วมมือของโรงเรียนในทุกระดับจะเอื้อให้เกิดการออกแบบความคิด สร้างสรรค์กิจกรรมต่าง ๆ และสร้างนิสัยใฝ่เรียนรู้ของผู้เรียนที่จะส่งผลต่อสัมฤทธิผลทางการศึกษาของผู้เรียนในพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาได้ สรุปผลการถอดบทเรียนจากชุดโครงการวิจัยในประเด็นบทเรียนที่ได้รับ ปัจจัยความสำเร็จ ประโยชน์ที่ได้รับ แนวทางพัฒนาในอนาคต จุดเด่นที่เกิดขึ้นในพื้นที่ และข้อเสนอเชิงนโยบาย ดังแผนภาพ ค แผนภาพ ค ผลการถอดบทเรียนของชุดโครงการวิจัย
3. ผลการสังเคราะห์องค์ความรู้ ผลจากการสังเคราะห์องค์ความรู้ของชุดโครงการวิจัย ซึ่งได้ดำเนินการวิจัยในพื้นที่ศึกษาระหว่างเดือนพฤษภาคม 2563-กรกฎาคม 2564 พอจะสรุปองค์ความรู้และภาพการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาจังหวัดกาญจนบุรี ผ่านนวัตกรรมการศึกษาซึ่งโรงเรียนและนักวิจัยได้ร่วมกันพัฒนาขึ้น ซึ่งนับเป็นปีแรกของการดำเนินการขับเคลื่อนพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาจังหวัดกาญจนบุรีอย่างเป็นรูปธรรม นับจากกการประกาศใช้พระราชบัญญัติพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาในปี 2562 โดยในระยะแรกของการวิจัยซึ่งเป็นการศึกษาข้อมูลบริบทและข้อมูลพื้นฐานของโรงเรียนได้ศึกษาครอบคลุมโรงเรียนนำร่องทั้ง 41 โรงเรียน และโรงเรียนนอกรายชื่อโรงเรียนนำร่องอีก 13 โรงเรียน รวม ทั้งสิ้น 54 โรงเรียน ในขั้นพัฒนาและทดลองใช้นวัตกรรม ศึกษาจากโรงเรียนนำร่อง 25 โรงเรียน นอกรายชื่อโรงเรียนนำร่อง 2 โรงเรียน รวม 27 โรงเรียน การพัฒนาและทดลองใช้นวัตกรรมในการวิจัยนี้เกิดจากความต้องการและความพร้อมของโรงเรียนเป็นพื้นฐาน ดังนั้น แต่ละโรงเรียนจึงได้รับการพัฒนาด้วยนวัตกรรมในจำนวนที่แตกต่างกันออกไป บางโรงเรียนได้รับการพัฒนาเพียง 1 นวัตกรรม บางโรงเรียนได้รับการพัฒนา 2-3 นวัตกรรม หรือ 4 นวัตกรรม นวัตกรรมที่ได้จากการวิจัยจึงเปรียบเสมือน Multi Approach ที่มุ่งสู่เป้าหมายเดียวกันคือ การยกระดับการศึกษาของโรงเรียนในพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาจังหวัดกาญจนบุรีผ่านกระบวนการพัฒนาผู้เรียน ครู ผู้บริหารสถานศึกษา และเชื่อมร้อยการพัฒนากับการมีส่วนร่วมของชุมชน บ้าน วัด โรงเรียน เขตพื้นที่การศึกษา และหน่วยงานระดับจังหวัดในที่สุด โดยหากโรงเรียนมีความพร้อมที่จะใช้นวัตกรรมทั้ง 6 นวัตกรรมอย่างครบถ้วนในปีต่อ ๆ ไป ก็สามารถนำนวัตกรรมที่ได้จากชุดโครงการวิจัยไปใช้ เป็นการขยายผลได้ต่อไป สรุปองค์ความรู้ที่เกิดขึ้นกับผู้หารสนถานศึกษา ครู และผู้เรียนในพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาจังหวัดกาญจนบุรีจากการใช้นวัตกรรมทางการศึกษาในโรงเรียนที่สำคัญ ๆ ไว้ 6 ประการสำคัญดังนี้
1. การเปลี่ยนแปลงระบบกลไก รูปแบบเครือข่ายการจัดการศึกษา ผ่านการบริหารแบบมี ส่วนร่วม (Participatory Management) และการสร้างเครือข่ายกับชุมชนและหน่วยงานภายนอก (Networking Partners) เป็นองค์ความรู้ที่เป็นประโยชน์ต่อผู้บริหารสถานศึกษาในการบริหารการจัดการศึกษา ด้วยระบบ กลไกและเครือข่ายแบบมีส่วนร่วม แบ่งเป็นองค์ความรู้การบริหารงานในระดับโรงเรียน ระดับเขตพื้นที่การศึกษา ระดับชุมชนและหน่วยงานภายนอก ระดับสถานศึกษา เกิดองค์ความรู้ในเรื่องระบบกลไกการบริหารงาน รวมทั้งการมีเครือข่ายเพื่อการพัฒนาการศึกษา โดยทางปฏิบัติ ผู้บริหารโรงเรียนได้ให้ครูเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนพัฒนาการจัดการศึกษาทุกขั้นตอน เป็นการบริหารงานแนวราบ เน้นการมีส่วนร่วม ตั้งแต่การเสนอความคิดเห็น ร่วมดำเนินการ ซึ่งช่วยให้ครูกิดความเข้าใจและเต็มใจปฏิบัติงานมากขึ้น เห็นถึงคุณค่าของผลที่จะเกิดขึ้นกับนักเรียนและโรงเรียน ผู้บริหารสร้างแรงบันดาลใจให้กับครู (Inspiration Motivation) กระตุ้นจิตวิญญาณของครู เพื่อปรับการเรียนเปลี่ยนการสอนให้มีความหลากหลายโดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ เป็นไปตามศักยภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน เปิดโอกาสให้ครูได้เรียนรู้ในสิ่งใหม่ ๆ และพัฒนาครูตามศักยภาพของแต่ละบุคคล ในระดับโรงเรียนหรือสถานศึกษา การพัฒนาระบบกลไก เครือข่ายการจัดการศึกษาแบบมีส่วนร่วมมีการดำเนินการในเรื่องต่อไปนี้
1. กำหนดวิสัยทัศน์ พันธกิจ และกลยุทธ์ในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาที่สอดคล้องกับบริบทเชิงพื้นที่ และสอดรับกับพระราชบัญญัติพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา พ.ศ. 2562 โดยเปิดโอกาสให้ครู ชุมชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมีส่วนร่วมในการกำหนดวิสัยทัศน์ของโรงเรียน รวมทั้งกำหนดคุณลักษณะผู้เรียนที่พึงประสงค์ที่สอดคล้องกับบริบทการเปลี่ยนแปลง และตอบสนองความต้องการของตลาดแรงงาน
2. ปรับ mind set ของผู้บริหาร ครู กรรมการสถานศึกษา เพื่อพร้อมรับกับการเปลี่ยนแปลง รวมทั้งสร้างนวัตกรรรมหรือค้นหาวิธีการใหม่ ๆ มาใช้ในการจัดการศึกษาเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้เรียน และเพื่อให้ผู้เรียนสามารถนำไปใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน
3. สร้างเครือข่ายความร่วมมือเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษา โดยใช้ความสัมพันธ์ระหว่างบ้าน วัด โรงเรียน (บวร) เป็นฐานสร้างความเข้มแข็งในชุมชมในการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ขยายความร่วมมือสร้างเครือข่ายกับหน่วยงานภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน และภาคประชาสังคมโดยใช้ความสัมพันธ์แบบไม่เป็นทางการ และเป็นทางการในการขอความร่วมมือเพื่อเป็นเครือข่ายพัฒนาคุณภาพการศึกษา
4. จัดโครงสร้างเครือข่ายหรือทีมในระดับบโรงเรียน โดยให้มีผู้ประสานงานในเครือ เช่น การทำหลักสูตรและแผนการเรียนการสอนร่วมกันโดยมีครูแกนนำหรือครูพี่เลี้ยง มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสาร จัดทำแผนปฏิบัติงานประจำปีร่วมกับเครือข่าย ดำเนินกิจกรรมกับเครือข่ายอย่างต่อเนื่อง มีการประเมินผล สะท้อนผล และรายงานผลการดำเนินงานให้กับเครือข่าย
5. ใช้กระบวนการบริหารจัดการในการดำเนินงานตามรูปแบบเครือข่ายการจัดการศึกษาแบบมีส่วนร่วมของพื้นที่การศึกษา จังหวัดกาญจนบุรี ยึดหลักการบริหารคุณภาพโดยอาจใช้วงจรคุณภาพของเดมมิ่ง (Deming Cycle) ที่ประกอบด้วย การวางแผน (Plan) การปฏิบัติงานตามแผน (Do) การตรวจสอบ ติดตาม (Check) และการปรับปรุงแก้ไข (Act) เน้นการบริหารแบบมีส่วนร่วม (Participative Management) ของครู ผู้ปกครอง ชุมชน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย สร้างเครือข่ายความร่วมมือกับชุมชนและหน่วยงานภายนอกสถานศึกษา (Networking Partners) ระดับเขตพื้นที่การศึกษา เป็นองค์ความรู้ของระบบ กลไก เครือข่ายการทำงานที่เปลี่ยนแปลงขึ้นในพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาดังนี้
1. สร้างกลุ่มทำงานที่ประกอบด้วย ผู้บริหารการศึกษา และผู้บริหารสถานศึกษา ได้แก่ Core Team ที่มีใจมุ่งมั่น ทุ่มเท มีจิตเป็นธุระ จิตสาธารณะ เป็นผู้นำที่มีวิสัยทัศน์และพร้อมนำการเปลี่ยนแปลง มีความต้องการยกระดับคุณภาพการศึกษาของจังหวัดกาญจนบุรีให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา พ.ศ.2562
2. เปิดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างเขตพื้นที่การศึกษาและสถานศึกษาเพื่อสร้างเครือข่ายความร่วมมือในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาในพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา
3. สร้างพันธะสัญญาในเครือข่ายโดยใช้ความร่วมมือร่วมใจอย่างไม่เป็นทางการ กำหนดเป้าหมายภารกิจ และมอบหมายหน้าที่รับผิดชอบเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษาในพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาจังหวัดกาญจนบุรี
4. ระดมทรัพยากรทางการศึกษาเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษาของจังหวัดกาญจนบุรี เช่น การแบ่งปันทรัพยากร การใช้ทรัพยากรร่วมกัน รวมทั้งการแสวงหาทรัพยากรทางการศึกษาโดยคำนึงถึงคุณภาพผู้เรียนภาพรวมของจังหวัด ไม่คำนึงถึงขอบเขตหรือสังกัดที่แตกต่าง
5. มีตัวแทนเชื่อมประสานระดับจังหวัดเพื่อผลักดันการขับเคลื่อนคุณภาพการศึกษาในพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อกำหนดเป้าหมายคุณภาพการศึกษา กำหนดคุณลักษณะหรือสมรรถนะของผู้เรียนร่วมกัน เพื่อให้ระดับเขตพื้นที่และระดับสถานศึกษาได้วางแผนการดำเนินการมุ่งสู่เป้าหมายนั้นอย่างมีทิศทาง
6. ติดตามประเมินผลการดำเนินงาน ผู้บริหาร ครู กรรมการสถานศึกษาชื่นชมผลงาน นวัตกรรมการที่เกิดขึ้นจากผู้บริหาร ครู และนักเรียน ระดับชุมชนและหน่วยงานภายนอก เป็นองค์ความรู้ของการสร้างเครือข่ายกับชุมชนและหน่วยงานภายนอก (Networking Partners) ที่ผู้บริหารสถานศึกษาได้สร้างเครือข่ายกับชุมชนโดยการเปิดโอกาสให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมที่โรงเรียนจัดขึ้นตามโอกาสต่าง ๆ เช่น การเชิญปราชญ์ชาวบ้านมาเป็นวิทยากรในการจัดการเรียนการสอน เป็นการตระหนักถึงความสำคัญของผู้รู้หรือปราชญ์ชาวบ้านและองค์ความรู้ที่มีอยู่ในท้องถิ่นและสั่งสมมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ โดยนำมาถ่ายทอดให้แก่เยาวชน หรือในการจัดกิจกรรมส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมโดยให้วัดเข้ามามีส่วนร่วมในการอบรมสั่งสอน การสร้างเครือข่ายกับหน่วยงานภายนอก เช่น หน่วยงานภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ซึ่งผู้บริหารสถานศึกษามีส่วนสำคัญในการสร้างและขับเคลื่อนเครือข่ายที่จะนำความเชี่ยวชาญจากหน่วยงาน องค์กร มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับสถานศึกษา ครู และนักเรียน สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งที่เกิดขึ้นในการสร้างเครือข่ายคือ โรงเรียนได้จัดทำบันทึกข้อตกลงร่วมกันเป็นลายลักษณ์อักษรกับหน่วยงานภายนอก รวมทั้งวิทยาลัย มหาวิทยาลัย เพื่อให้เกิดความชัดเจนในทา
Title
Improving Education Potential though Local Innovation for Quality of Education of Children, Youth and People in Kanchanaburi AreaKeywords
Improving Education,Local Innovation,Quality of EducationAbstract
–