บพท. กระทรวง อว. ร่วมกับ มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ ได้รับรางวัล GOVMedia Awards 2025 ประเภท Social Equity and Inclusion Initiative of the Year – Human Services

โครงการขจัดความยากจนแบบเบ็ดเสร็จและแม่นยำด้วยการมีส่วนร่วมสำหรับครัวเรือนยากจนของประเทศไทย โดยการสนับสนุนจากหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) กระทรวง อว.

เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2568 ณ Orchid Main Ballroom, Level 4 Marina Bay Sands Expo & Convention Centre, Singapore มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ ได้สรุปโครงการวิจัยข้างต้น จาก 20 จังหวัด ที่ได้รับทุนวิจัยจากหน่วย บพท. ซึ่งประกอบด้วย ปัตตานี อำนาจเจริญ แม่ฮ่องสอน ชัยนาท สุรินทร์ ยโสธร ศรีสะเกษ สกลนคร มุกดาหาร กาฬสินธุ์ บุรีรัมย์ นราธิวาส อุบลราชรานี ลำปาง พัทลุง นครราชสีมา ร้อยเอ็ด พิษณุโลก เลย และยะลา จนได้รับรางวัล “การเชื่อมโยงนวัตกรรมและยกย่องโครงการภาครัฐที่โดดเด่นที่สุดในเอเชีย” ที่มีประเทศที่ได้รับรางวัลประกอบด้วยนานาชาติ อาทิเช่น ฮ่องกง มาเลเซีย สหรัฐอาหรับเอมิเรต อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เป็นต้น

โดยมีเนื้อหาดังนี้ ขจัดความยากจนแบบเบ็ดเสร็จและแม่นยำด้วยการมีส่วนร่วมสำหรับครัวเรือนยากจนของประเทศไทย: จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประเทศไทย ได้แก่ จังหวัดนราธิวาส ปัตตานี และยะลา เป็นพื้นที่เผชิญกับปัญหาความยาก จนอย่างต่อเนื่องและอยู่ในกลุ่มจังหวัดที่มีอัตราความยากจนสูงสุดในประเทศไทย ใน 10 อันดับแรกของประเทศ โดยปี 2566 ประชากรในจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีจำนวนทั้งหมด 2,516,735 คน มีคนยากจน 48,119 ครัวเรือน โดยจังหวัดปัตตานีเป็นจังหวัดที่มีสัดส่วนคนจน สูงที่สุด 22,084.00 ครัวเรือน หรือ 126,961.00 คน คิดเป็น ร้อยละ 15.06 ของประชากรจังหวัด รองลงมาเป็นจังหวัดนราธิวาส มีคนจน 13,359.00 ครัวเรือน หรือ 72,591.00 คน คิดเป็นร้อยละ 6.87 ของประชากรในจังหวัด และจังหวัดยะลา มีคนจน 12,676.00 ครัวเรือน หรือ 49,748.00 คน คิดเป็นร้อยละ 8.06 ของประชากรจังหวัด ปัจจัยที่ส่งผลต่อปัญหานี้ ได้แก่ ความไม่มั่นคงในพื้นที่ ซึ่งลดโอกาสในการลงทุนทั้งจากภาครัฐและเอกชน นอกจากนี้ พื้นที่ยังประสบ กับปัญหาภัยพิบัติทางธรรมชาติ เช่น อุทกภัยซ้ำซาก ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และ คุณภาพชีวิตของประชาชน โครงการ Practical Poverty Alleviation Model (PPAM) จึงถูกพัฒนาขึ้นโดยใช้กลไกความร่วมมือแบบ Triple Helix Plus ประกอบด้วย สถาบันการศึกษา ภาครัฐ วิสาหกิจชุมชน ภาคเอกชน

โครงการนี้เริ่มต้นจากการวิเคราะห์ศักยภาพรายครัวเรือนเพื่อหาความเข็มแข็ง หาจุดอ่อนและแนวโน้มเพื่อนำไปสู่การออกแบบ Operating Models โดย OM ที่เห็นผลทางเศรษฐกิจที่ชัดเจน คือ 1.JJOB (ทักษะอาชีพและจัดหางาน) 2. SIE (Social Integrated Enterprise) 3. กองทุนสวัสดิการชุมชน 4. ยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ (Food) 5. เกษตรกรรมแบบแปลงรวม โดยมีจุดเน้นและเป้าหมายที่สำคัญ คือ การสร้างโอกาสทางสังคมและเศรษฐกิจรายครัวเรือน พร้อมกับการสร้างและพัฒนา กลไกความร่วมมือเพื่อขจัดความยากจน โดยการเพิ่มรายได้ของประชาชนขึ้นร้อยละ 20 ซึ่งสามารถประเมินผลทางเศรษฐกิจรายครัวเรือนเพิ่มขึ้นและพบว่าด้านทักษะอาชีพของ JJOB Model จะเกี่ยวข้องกับงานซ่อมและบำรุง ในขณะเดียวกันสำหรับกลุ่มธุรกิจชุมชนเกิดการรวมตัวกันระหว่างธุรกิจเพื่อสร้างเป็นเครือข่าย ทำให้เกิดการเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์ชุมชน รวมถึงกระบวนการยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ และยังมีการนำส่วนแบ่งของรายได้ที่เกิดขึ้นกลับมาสร้างกองทุนสวัสดิการของชุมชนเพื่อการลงทุนในระยะยาว 

อีกหนึ่งบทบาทที่สำคัญของกระบวนการสร้างกลไกภาครัฐได้รับการยอมรับทั้ง 5 OM ไปสู่แผนขจัดความยากจนซึ่งสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ระดับประเทศ โดยใช้มาตรฐาน TPMAP และเกณฑ์รายได้ขั้นต่ำที่กำหนด กระทรวงการคลัง ปี 2568 ระบุว่าประชากรที่มีรายได้ต่ำกว่า 2,802 บาทต่อเดือน ถือเป็นกลุ่มที่ต้องได้รับการช่วยเหลือโครงการ PPAM ได้สร้างผลกระทบเชิงบวกในระดับมหภาค โดยช่วยให้ภาคีเครือข่ายสามารถพัฒนาแผนปฏิบัติการขจัดความยากจน ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในระดับท้องถิ่น และระดับประเทศ นอกจากนี้ ภาคเอกชนยังเข้ามามีบทบาทในการสร้างโอกาสทางการตลาดให้กับผู้ประกอบการชุมชน และช่วยผลักดันเศรษฐกิจสามจังหวัดชายแดนใต้ให้เติบโตยิ่งขึ้น ผ่านการเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์ และการกระจายรายได้อย่างทั่วถึง

สถิติการเข้าชม