บพท.เร่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้ยั่งยืน ชี้ทางก้าวข้าม กับดักความเสี่ยงของธุรกิจชุมชน

ผอ.บพท.ย้ำกลไกการตลาดที่ดีสำคัญต่อการวางระบบเศรษฐกิจชุมชน การก้าวข้ามกำดักความเสี่ยงทุกด้านต้องเน้นการบูรณาการ

ดร.กิตติ สัจจาวัฒนา ผู้อำนวยการหน่วยบริหารและจัดการกองทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ และวิจัยนวตกรรม (อว.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการเสวนาเรื่อง “โครงสร้างเครือข่ายธุรกิจชุมชนร่วม ทางรอดเศรษฐกิจไทย” ในงาน “มหกรรมส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากองค์ความรู้ วิจัย และนวัตกรรม (อววน.) เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืน ด้วยพลังสหวิทยาการ” หรือ “อว.แฟร์ 2025: SCI POWER FOR FUTURE THAILAND” และงาน “มหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ประจำปี 2568” (NST Fair 2025) ที่ศูนย์ประชุมสิริกิติ์ว่า ปัจจุบันกลไกตลาดเสรีทางการค้า ส่งผลต่อการปรับเปลี่ยนเศรษฐกิจหลายด้านของประเทศ เมื่อปี 2563 บพท. เคยทำโครงการเพื่อฟื้นศักยภาพของเศรษฐกิจฐานรากวิเคราะห์บริบทพื้นที่ระดับบนเชื่อมโยงกับระดับล่าง พบว่า เศรษฐกิจฐานรากมาจากเศรษฐกิจครัวเรือน ดังนั้นรูปแบบการพัฒนาประเทศแบบไทย ควรเป็นการพัฒนาเศรษฐกิจแบบดุลยภาพที่ทุกฝ่ายพอใจ มุ่งไปข้างหน้าแบบกระจายตัว กระจายรายได้ ดังนั้น เศรษฐกิจครัวเรือนทางออกคือ ตลาดชุมชน ถ้ารัฐจะส่งเสริมต้องใช้มาตรการกีดกันทางการค้า ใช้กฎหมายข้อบังคับที่ทำให้เศรษฐกิจและตลาดชุมชนเติบโต ไม่สนับสนุนให้ทุนใหญ่เข้าถึงตลาดชุมชน จะเห็นว่าบางประเทศมีการคุ้มครองหรือรักษาร้านโชห่วยให้ชุมชน ไม่ให้กับทุนใหญ่เข้าถึง ธุรกิจชุมชนในประเทศไทยมีรายเล็กรายน้อยจำนวนมาก จากฐานข้อมูลของ SMEs ประเทศไทย คาดการณ์มีประมาณ 3,300,000 กลุ่ม ในจำนวนนี้ประมาณ 70 – 80 % เป็นรายเล็ก กลุ่มนี้จะใช้ทรัพยากรพื้นถิ่น อัตลักษณ์พื้นถิ่นในการผลิต มีการส่งเสริมการผลิต ทำรายได้เข้าประเทศจำนวนไม่น้อย ที่สำคัญคือ เกิดกลไกการจ้างงาน สร้างรายได้แก่ชุมชนอย่างชัดเจน

ดร.กิตติ กล่าวต่อว่า ในต่างประเทศมีการรวมตัวธุรกิจชุมชนเป็นเครือข่ายธุรกิจชุมชนขนาดใหญ่ โดยใช้ยุทธศาสตร์สร้างตัวกลางขนาดใหญ่และปรับเปลี่ยนโครงสร้างการผลิต ดังนั้น ประเทศไทยจำเป็นต้องมีการบูรณาการภารกิจพื้นฐานกับทุกกระทรวงเพื่อประสานความร่วมมือในส่วนที่เกี่ยวข้องกัน ยกตัวอย่างโครงการที่ บพท. ให้การสนับสนุนคลัสเตอร์ SIE (Social Integrated Enterprise) โครงการสร้างเครือข่ายธุรกิจชุมชนร่วม (Cluster) เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก ที่นำงานวิชาการสู่การใช้ประโยชน์จริงในเชิงพาณิชย์สร้างราย ได้แก่ ชุมชนฐานราก ถือเป็นการแก้ปัญหามิติด้านสังคมและเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นงานวิจัยที่สร้างจุดเปลี่ยนของธุรกิจชุมชนอย่างชัดเจน เนื่องจากมีการศึกษาตั้งแต่ต้นทางควบคุมพัฒนาการปลูก กลางทางการผลิตที่ได้มาตรฐาน รวมถึงปลายทางด้านการตลาดมีการรวมกลุ่ม เชื่อมโยงกับตลาดใหญ่ ตลาดใหม่เพื่อการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ของผู้บริโภค นำไปสู่ความยั่งยืน สร้างรายได้เพิ่มอย่างมั่นคง       

สถิติการเข้าชม