วันที่ 14 สิงหาคม 2568 หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) นำโดย รศ.ดร.วีระศักดิ์ เครือเทพ ผอ.ฝ่ายวิจัยและนวัตกรรมเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งและยกระดับขีดความสามารถในการจัดการภาครัฐและท้องถิ่น ร่วมกับสถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดพิธีมอบรางวัล “นวัตภูมิ” ให้แก่ผู้บริหาร อปท. และ นักวิจัยด้านท้องถิ่น จำนวน 21 ท่าน ในงานยกย่องเกียรติคุณ ผู้มีคุณูปการต่อการวิจัยเพื่อพัฒนาท้องถิ่นไทย และเวทีสาธารณะ “มองอนาคตการวิจัยเพื่อพัฒนารายได้สำหรับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น” ณ โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชั่น หลักสี่ กรุงเทพมหานคร
รางวัลนวัตภูมิ เกิดจากการผสมระหว่างคำว่า “นวัตกรรม” กับคำว่า “ภูมิ” หมายถึง แผ่นดินหรือถิ่นฐานบ้านเกิด ซึ่งหมายถึง “นวัตกรรมเพื่อผืนแผ่นดิน” หรือ “นวัตกรรมที่หยั่งรากในท้องถิ่น” สื่อถึงผู้ที่สร้างและต่อยอดองค์ความรู้หรือวิธีการใหม่ๆ ผ่านกระบวนการวิจัยและการพัฒนา ที่ประยุกต์ใช้องค์ความรู้ในพื้นที่จริงเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อชุมชนและท้องถิ่นจึงเป็นเวทีแห่งการเชิดชูเกียรติผู้สร้างนวัตกรรมเพื่อพื้นที่และสร้างผลลัพธ์เพื่อสังคม ร่วมยกย่องแรงบันดาลใจและความคิดสร้างสรรค์จากนักวิจัยและผู้พัฒนาท้องถิ่นทั่วประเทศ
สำหรับรางวัลนวัตภูมิถือเป็นผลความสำเร็จการขับเคลื่อนเชิงพื้นที่ของตัวบุคคล ในการยกระดับศักยภาพบุคลากรท้องถิ่นและนักวิจัยให้สามารถสร้างกลไกเครือข่าย อปท. ที่เข้มแข็ง และการเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืนในพื้นที่ของตนได้ รวมทั้งสิ้น 21 รางวัล โดยแบ่งรางวัลออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ 1 รางวัลด้านสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรและภัยพิบัติ จำนวน 8 รางวัล, กลุ่มที่ 2 รางวัลด้านประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ของท้องถิ่น จำนวน 9 รางวัล และกลุ่มที่ 3 รางวัลด้านสังคม/สุขภาพ จำนวน 4 รางวัล โดยมอบให้แก่บุคลากร จาก อทป. จำนวน 11 คน นักวิจัยและนักวิชาการ 10 คน จาก 21 หน่วยงานทั่วประเทศ
รศ.ดร.วีระศักดิ์ เครือเทพ กล่าวว่า กิจกรรมนี้จัดขึ้นเพื่อการยกย่องบุคคลผู้มีผลงานโดดเด่นในด้านงานวิจัยและขับเคลื่อนการพัฒนาท้องถิ่น และการจัดบริการสาธารณะจนเกิดผลลัพธ์เป็นรูปธรรมต่อการพัฒนาเชิงพื้นที่ ยกย่องผู้ที่ใช้องค์ความรู้ในการสร้างการเปลี่ยนแปลงใหม่ที่เกิดขึ้นกับท้องถิ่นประสบผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม จนเกิดชุดความรู้ความเข้าใจใหม่ ๆ ที่มีประโยชน์ในเชิงวิชาการและในเชิงนโยบายที่สำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงเชิงพื้นที่
และ นายสมพร ใช้บางยาง กรรมการบริหาร หน่วย บพท. ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประธานผู้กล่าวเปิดพิธีฯ ได้แสดงความเห็นว่า ในฐานะที่ตนเคยเป็นอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น รู้สึกดีใจอย่างมากที่มีส่วนขับเคลื่อนงานและได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของท้องถิ่นไทยอย่างก้าวกระโดดในช่วง 2-3 ทศวรรษที่ผ่านมา เห็นการเติบโตอย่างมั่นคงของท้องถิ่นที่ได้รับแรงสนับสนุนจากทุกภาคส่วน ทั้งสถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ หรือ บพท. และขอแสดงความยินดีกับนวัตภูมิทั้ง 21 คน ผู้ที่มีบทบาทสำคัญต่อการศึกษาวิจัยและขับเคลื่อนการพัฒนางานของท้องถิ่นที่เป็นรูปธรรม ควรได้รับการยกย่องไว้เพื่อเป็นเกียรติภูมิ ในการผู้นำทางความคิด ผู้นำการเปลี่ยนแปลง และเป็นผู้นำให้เกิดการขับเคลื่อนการพัฒนาท้องถิ่นที่ใช้องค์ความรู้ทางวิชาการได้อย่างเหมาะสมและเกิดประโยชน์ชัดแจ้งอย่างแท้จริง
ช่วงบ่ายมีการจัดเวทีสาธารณะเพื่อการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และนำเสนอมุมมองแนวคิดทางเลือกใหม่ สำหรับการพัฒนารายได้ท้องถิ่นเพื่อช่วยหนุนเสริมศักยภาพของ อปท. มากยิ่งขึ้น ภายในเวทีวงเสวนาได้พูดคุยถึงแนวคิดเกี่ยวกับทางเลือกในการบริหารจัดเก็บรายได้ท้องถิ่นและการพัฒนาฐานข้อมูลครัวเรือน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ของท้องถิ่น หรือ Single Household Tax Billing โดย ผศ.ดร.ภคพร วัฒนดำรงค์ และคณะจากมหาวิทยาลัยนเรศวร ร่วมกับ รศ.ดร.วีระศักดิ์ เครือเทพ ผอ.ฝ่ายวิจัยและนวัตกรรมเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งฯ หน่วย บพท. พร้อมประเด็นแลกเปลี่ยนแนวทางการพัฒนาพันธบัตรสำหรับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดย คุณอุปมา ใจหงษ์ รอง ผอ. สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ และแนวทางการวิจัยเพื่อพัฒนารายได้ท้องถิ่นจากภาษีการพำนักอาศัยหรือ Inhabitance Taxes
โดย ดร.ชัยสิทธิ บุณยเนตร จากสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
เป้าหมายเพื่อการกำหนดนโยบายสาธารณะด้านท้องถิ่น และการขับเคลื่อนเรื่องการพัฒนารายได้ท้องถิ่นไปสู่การส่งเสริมให้เกิดการกระจายอำนาจทางด้านรายได้ให้แก่ท้องถิ่นต่อไป และมุ่งเน้นการพัฒนานักวิจัยที่สามารถทำงานร่วมกับ อปท. ได้อย่างเข้าใจ มีทักษะการวิจัยเชิงพื้นที่สามารถร่วมขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงในเชิงระบบได้โดยใช้แนวคิด Area-Based Collaborative Research (ABC) การผลิตความรู้ร่วม (co-production of knowledge) และการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม (Participatory Action Research: PAR) เป็นหลัก
โดยผลการเคลื่อนงานโครงการฯ ประจำปี 2568 มีนักวิจัยจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้เข้าร่วมการฝึกอบรม แบ่งออกเป็นองค์กรสาธารณะประโยชน์ จำนวน 22 คน และนักวิจัยจากสถาบันการศึกษา จำนวน 40 คน เป็นนักวิจัยด้านท้องถิ่นที่ผ่านหลักสูตรแล้วทั้งสิ้น รวม 62 คน








