จุฬาฯ จับมือ บพท. และ สกสว. เปิดตัว “โครงการบ่มเพาะและก่อตั้งกองทุนสนับสนุนธุรกิจเพื่อสังคมแห่งชาติ” จุดประกายโมเดลธุรกิจที่สร้างกำไรเพื่อสังคม ไม่ใช่แค่ตัวเงิน

“Social Enterprise หรือ “ธุรกิจเพื่อสังคม” คือรูปแบบกิจการที่ตั้งขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยใช้กลไกการบริหารจัดการแบบธุรกิจควบคู่กับนวัตกรรมเพื่อสังคม จุดเด่นของธุรกิจเพื่อสังคมคือการสร้างรายได้จากสินค้าและบริการที่มีคุณภาพและมีคุณค่าต่อกลุ่มลูกค้า พร้อมนำผลกำไรกลับไปลงทุนเพื่อขยายผลกระทบทางสังคม ไม่ใช่เพื่อผลตอบแทนสูงสุดแก่ผู้ถือหุ้นเหมือนธุรกิจทั่วไป จึงเป็นโมเดลที่ตอบโจทย์การพัฒนาอย่างยั่งยืน และกำลังได้รับความสนใจทั่วโลกในฐานะเครื่องมือใหม่ในการแก้ปัญหาสังคมอย่างเป็นระบบ”

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับ หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) และ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) เพื่อเปิดตัว “โครงการบ่มเพาะและการก่อตั้งกองทุนสนับสนุนธุรกิจเพื่อสังคมแห่งชาติ” ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างระบบนิเวศแห่งการประกอบการรูปแบบใหม่ ที่ไม่ได้มุ่งแสวงหากำไรเพื่อความมั่งคั่ง แต่เน้น “กำไรทางสังคม” ที่ยั่งยืนและครอบคลุม พร้อมเชื่อมโยงเครือข่ายมหาวิทยาลัย ภาครัฐ เอกชน และชุมชน ผ่านแนวทาง Public-Private Partnership (PPP) โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริม พัฒนา และขยายขีดความสามารถของผู้ประกอบการเพื่อสังคม (Social Entrepreneurs) ให้สามารถดำเนินธุรกิจที่สร้างคุณค่าทั้งทางเศรษฐกิจและสังคมได้อย่างต่อเนื่อง ผ่านการสนับสนุนองค์ความรู้ แหล่งทุน การบ่มเพาะธุรกิจ การเชื่อมโยงเครือข่าย และการประสานความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยเน้นการลงทุนในธุรกิจที่สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคม (Social Impact) และยึดหลัก ESG อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งจะเริ่มนำร่องภายใต้โครงการวิจัย “การพัฒนาระบบการบ่มเพาะและเร่งรัดกลุ่มเศรษฐกิจและพื้นที่อุตสาหกรรมระดับพื้นที่” ดำเนินการโดยมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่สนับสนุนทุนวิจัยโดย หน่วย บพท.

เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา ได้มีการลงนามความร่วมมือโครงการบ่มเพาะและการก่อตั้งกองทุนสนับสนุนธุรกิจเพื่อสังคมแห่งชาติ โดยได้รับเกียรติจาก ศ.ภญ.ดร.พรอนงค์ อร่ามวิทย์ รองอธิการบดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, รศ.ดร.ปุ่น เที่ยงบูรณธรรม รองผู้อำนวยการ ฝ่ายแผนและยุทธศาสตร์องค์กร บพท. และ รศ.ดร.นพพร ลีปรีชานนท์ รองผู้อำนวยการ สกสว. ที่จัดขึ้นภายในงาน อว. แฟร์ ณ ห้องประชุม 201 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ดังนั้นการลงนามความร่วมมือในครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่การเปิดตัวโครงการใหม่ แต่คือการประกาศเจตนารมณ์ร่วมกันของสามองค์กรหลักในการผลักดันธุรกิจเพื่อสังคมให้เป็นกลไกสำคัญของการพัฒนาประเทศในระยะยาว โดยมีจุฬาฯ เป็นศูนย์กลางการบ่มเพาะและขับเคลื่อนนวัตกรรมเพื่อสังคมอย่างเป็นระบบ

หนึ่งในโครงการต้นแบบที่เป็นแรงบันดาลใจของความร่วมมือครั้งนี้ คือ “โครงการการยกระดับเศรษฐกิจเมืองชายแดนด้วยกลไกการพัฒนาระบบนิเวศทางธุรกิจโกโก้ไทยสู่ระดับสากล” ดำเนินการโดยสำนักวิชาทรัพยากรการเกษตร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นำทีมโดย ผศ.ดร.ธัญศิภรณ์ ณ น่าน ซึ่งมุ่งพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่ 11 จังหวัด เช่น น่าน เชียงใหม่ ตราด และนครศรีธรรมราช โดยใช้ “โกโก้” เป็นพืชเศรษฐกิจหลัก ด้วยการนำองค์ความรู้จากงานวิจัยไปพัฒนาเกษตรกรและธุรกิจในพื้นที่ ตั้งแต่การปลูก การหมัก การสร้างแบรนด์โกโก้ไทยที่มีเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น ไปจนถึงการสร้างตลาดและการส่งออก ภายใต้โมเดลเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green Economy)

ผลลัพธ์ของโครงการโกโก้ไทยไม่ใช่แค่การเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร แต่ยังสร้างความมั่นใจให้กับธุรกิจในระบบนิเวศโกโก้ไทย พร้อมยกระดับคุณภาพผลผลิตสู่ตลาดโลก และสร้างงานในชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม ถือเป็นตัวอย่างของธุรกิจที่ “กำไรคือคุณภาพชีวิตของผู้คน” ไม่ใช่แค่ตัวเลขในบัญชี

สถิติการเข้าชม