บพท. ดัน แผนงานเป้าหมายสำคัญฯ “เด็กไทยมีความสามารถในการคิดวิเคราะห์และ สมรรถนะสูงด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการเรียนรู้” 20,000 คน ภายใน 2 ปี

วันที่ 16-17 กรกฎาคม 2568 หน่วย บพท. นำโดย ดร.กิตติ สัจจาวัฒนา ผู้อำนวยการ หน่วย บพท. และทีมงานมูลนิธิโรงเรียนวันเสาร์ ผู้รับผิดชอบแผนงานเป้าหมายสำคัญตามยุทธศาสตร์ ววน. เรื่อง “เด็กไทยมีความสามารถคิดวิเคราะห์และมีสมรรถนะสูงด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการเรียนรู้” ได้ร่วมกันจัดกิจกรรมการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อสร้างความเข้าใจและปรับปรุงข้อเสนอโครงการวิจัยภายใต้แผนงานเป้าหมายสำคัญดังกล่าว โดยมีหน่วยงานวิชาการและภาคีเครือข่ายเข้าร่วมกิจกรรม ณ โรงแรมเมอร์เคียว กรุงเทพ สยาม และ บริษัท สคูลดิโอ เทค จำกัด  กิจกรรมการประชุมเชิงปฏิบัติการฯ ได้รับเกียรติจาก ศาสตราจารย์ นายแพทย์ วิจารณ์ พานิช ประธานคณะกรรมการส่งเสริมแผนงานเป้าหมายสำคัญของเป้าหมายสำคัญฯ เรื่อง “เด็กไทยมีความสามารถคิดวิเคราะห์และมีสมรรถนะสูงด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการเรียนรู้” และ ดร. สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย ร่วมบรรยายให้ความรู้และแสดงความคิดเห็นต่อแผนงานเป้าหมายสำคัญฯ นี้

การนี้ ดร.กิตติ สัจจาวัฒนา ผู้อำนวยการหน่วย บพท. ได้กล่าวถึงความสำคัญและเป้าหมายของแผนงานฯ ว่า “หน่วย บพท. ก่อตั้งขึ้น เพราะว่าเราเห็นโอกาสที่จะใช้งานวิจัยเป็นทางออกของประเทศ กองทุนวิจัยสามารถทำให้เกิด sandbox ทั้งแบบ policy sandbox และ area sandbox ในรูปแบบ systematic approach ที่จะทำให้เจอทางออกว่าประเทศของเราควรจะไปทางไหน อย่างไร”

“ผมอยากให้ กองทุน ววน. เป็นเครื่องมือชี้นําประเทศ คนที่ทำงานในด้านวิชาการ นับเป็นหางเสือของประเทศ และผมอยากจะชี้ให้ทุกท่านเห็นโอกาสใหม่ที่จะเกิดขึ้นในโลก ที่ผ่านมาเราจะใช้โมเดลพัฒนาประเทศแบบประเทศอุตสาหกรรมซึ่งจะทำให้เกิดการจ้างงานจำนวนมาก  แต่ตอนนี้อาจเกิดขึ้นได้ยากแล้ว เพราะโดน disrupt ด้วยเทคโนโลยี ปัจจุบันคนที่มีงานทำคิดเป็นประมาณ 36 ล้านคน ซึ่งภายในปีอีกไม่กี่ปีข้างหน้ามีโอกาสที่คนจะตกงานมากถึง 10 ล้านคน

อีกเรื่องคือ ความสามารถในการเข้าถึงโอกาสต่าง ๆ ยังมีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบภายในพื้นที่และเปรียบเทียบระหว่างพื้นที่ ความแตกต่างประกอบไปด้วย 1) การเข้าถึงทุน 2) การเข้าถึงกลไกตลาดเสรี 3) การเข้าถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรม 4) การเข้าถึงผู้รู้  โอกาสเหล่านี้ทำให้คนแตกต่างกันอีกด้วย ที่สำคัญคือ สิ่งที่เกิดขึ้นคือการกระจุกตัวอยู่ที่ศูนย์กลาง คือ กรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะการเข้าถึงโอกาสและคุณภาพทางศึกษา  ความแตกต่างของโอกาสและการพัฒนาจึงเป็นที่มาของการจัดกระบวนการ upstream management ในวันนี้  ที่เน้นการวางเป้าหมายร่วม เห็นกลไก เห็นข้อมูล เห็นกระบวนการตรงกลางร่วมกัน ก่อนที่จะลงมือทำงานกัน ซึ่งเป็นกระบวนการที่หน่วย บพท. ให้ความสำคัญมากเพราะเป้าหมายของแผนงานคือการทำให้โรงเรียน นักเรียนที่อยู่ตามโรงเรียนหัวเมืองต่างจังหวัด เข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัล (AI)  โดยผ่านกระบวนการสร้างการเรียนรู้ที่เป็น learning process เป็นชุดความรู้ กระบวนการทั้งระบบ ก่อนที่จะนำไปปรับใช้ (Adoption) ที่โรงเรียน ให้เกิดระบบสนับสนุนของหน่วยงานบริหารจัดการการศึกษาในระดับพื้นที่ท้องถิ่น ซึ่งอีกเหตุผลที่หน่วย บพท. ต้องเข้ามามีบทบาทในเรื่องนี้ ก็เพื่อการสร้าง platformสำหรับการขยายผลการเรียนรู้และพัฒนาคุณภาพการศึกษาให้กับกลุ่มคนที่เข้าไม่ถึงหรือกลุ่มคนนอกระบบ”

ด้านศาสตราจารย์ นายแพทย์ วิจารณ์ พานิช ประธานคณะกรรมการส่งเสริมแผนงานเป้าหมายสำคัญฯ ได้กล่าวถึงการพัฒนาเด็กไทยสู่สมรรถนะสูง ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลว่า “เรามีความคาดหวังในการพัฒนาเด็กไทย เป้าหมายคือการวางพื้นฐานเพื่อสร้างพลเมืองคุณภาพสูง โดยที่นักเรียนกลุ่มตัวอย่างได้เรียนรู้และพัฒนาตนเอง ครบทุกด้าน (holistic learning) ทั้งด้านวิชาการและคุณลักษณะ และผลักดันให้บรรลุผลการเรียนรู้ระดับลึก พร้อมหนุนครู พี่เลี้ยง facilitate ของโรงเรียน ที่ออกแบบและจัดการเรียนรู้เชิงรุกและเรียนรู้จากประสบการณ์ โดยใช้ Generative Ai ช่วยอำนวยความสะดวก เพื่อช่วยให้ระบบการศึกษาของประเทศที่ขณะนี้อยู่ในระดับล่างของ bloom’s taxonomy ขยับขึ้นไปอยู่ในระดับบนที่สามารถสร้างสรรค์สิ่งใหม่จากสิ่งที่เคยเรียนรู้ เพื่อสร้างพลเมืองที่มีคุณภาพให้กับของประเทศเราได้” โดยการประชุมเชิงปฏิบัติการครั้งนี้ มีเป้าหมายให้ทุกฝ่ายมีความเข้าใจร่วมกันเกี่ยวกับวัตถุประสงค์ หลักการ และเป้าหมายของโครงการอย่างชัดเจน พร้อมทั้งปรับปรุงข้อเสนอโครงการ (Proposal) ให้การดำเนินงานในระดับพื้นที่เป็นไปอย่างตรงจุด สอดคล้องกับกรอบแนวทางของแผนงานเป้าหมายสำคัญฯ ซึ่งจะช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพและนําไปสู่การบรรลุเป้าหมายในที่สุด

สถิติการเข้าชม