บพท. จัดเวที City Solution Days “เปิดเมือง เปลี่ยนเมือง สู่อนาคตเมืองน่าอยู่” ร่วมทบทวน ประเมินทิศทาง พัฒนาเมืองน่าอยู่ยกระดับคุณภาพสังคมไทย 

วันที่ 27 กันยายน 2568 ดร.สีลาภรณ์ บัวสาย ที่ปรึกษาวิทยสถาน “ธัชภูมิ” เพื่อการพัฒนาพื้นที่ หน่วย บพท. พร้อมด้วย รศ.ดร.ปุ่น เที่ยงบูรณธรรม รองผู้อำนวยการฝ่ายแผนและยุทธศาสตร์องค์กร นายบุญเยี่ยม เหลาสะอาด ผอ.ฝ่ายวิจัยและนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาเมืองน่าอยู่และการกระจายศูนย์กลาง หน่วย บพท. พร้อมด้วยผู้นำเมือง เทศบาลนครและเทศบาลเมือง ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ประชาคมเครือข่ายนักวิจัย นักวิชาการ และผู้ให้บริการโซลูชันเมือง ร่วมกันทบทวน ประเมินทิศทาง และกำหนดแผนงานขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองน่าอยู่ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนไทย ในงาน “City Solution Days : เปิดเมือง เปลี่ยนเมือง สู่อนาคตเมืองน่าอยู่” ณ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซ่า ลาดพร้าว กรุงเทพฯ

ดร.สีลาภรณ์ บัวสาย ที่ปรึกษาวิทยสถาน “ธัชภูมิ” เพื่อการพัฒนาพื้นที่ หน่วย บพท. กล่าวว่า City Solution Days “เปิดเมือง เปลี่ยนเมือง สู่อนาคตเมืองน่าอยู่” เป็นเวทีสำคัญในการสะท้อนถึงบทบาท ภารกิจของ บพท. ต่อขับเคลื่อนงานเชิงระบบและกลไกด้านการพัฒนาเชิงพื้นที่ ซึ่งได้เปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ เพื่อกำหนดทิศทางและโจทย์วิจัยด้านพัฒนาเมืองที่สอดคล้องกับบริบทของพื้นที่ โดยเน้นสร้างการเปลี่ยนแปลงให้ตรงตามความต้องการของประชาชน ที่สามารถยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนได้ ผ่านการแลกเปลี่ยนและรับฟังข้อเสนอเพื่อทบทวน ประเมินทิศทาง และแนวทางการพัฒนาเมือง โดยมีกิจกรรม City Solution Provider Matching Days วงเสวนาเพื่อเสนอทางออก สำหรับการพัฒนา “เมืองน่าอยู่” ช่วยยกระดับชุดความรู้ งานวิจัย และการต่อยอดการนำความรู้ไปใช้ประโยชน์จริงในเชิงพื้นที่  เพื่อยกระดับการพัฒนาและแก้ไขปัญหาของเมืองในแต่ละบริบทพื้นที่ หรือความท้าทายที่ซับซ้อนอันมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของเมืองในทุกมิติ  นำไปสู่ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายที่จะช่วยยกระดับการขับเคลื่อนพัฒนาเมือง ลดความเหลื่อมล้ำ และส่งเสริมคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของผู้คนในเมืองทั่วประเทศต่อไป

รศ.ดร.ปุ่น เที่ยงบูรณธรรม รอง ผอ.บพท. กล่าวว่า ภาพรวมการขับเคลื่อนงานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาเมืองน่าอยู่และการกระจายศูนย์กลางความเจริญของหน่วย บพท. มุ่งเน้นสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้น กับคน กับเมือง เพื่อให้เมืองมีความน่าอยู่สำหรับทุกคน และสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจให้แก่คนในพื้นที่ รวมถึงการดึงดูดผู้คนที่มีศักยภาพให้เข้ามาร่วมพัฒนาเมืองหรือชุมชนมากยิ่งขึ้น ด้วยกลไกการพัฒนาที่สำคัญ 4 ด้าน ได้แก่ กลไกด้านการพัฒนาความร่วมมือทางสังคม กลไกด้านการพัฒนาข้อมูลและองค์ความรู้ของเมือง กลไกการพัฒนาเครื่องมือทางการเงินและการจัดการทุนของเมือง และกลไกด้านนโยบายและแผนพัฒนาของเมือง เพราะ “เมือง” เป็นทั้งกลไกการเติบโตใหม่ของประเทศ และเป็นทั้งพื้นที่คุณภาพชีวิตที่ดีสำหรับทุกคนและตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา การขับเคลื่อนงานวิจัยและนวัตกรรมฯได้ผลักดันให้เกิดการลงทุนของเมืองการบริหารจัดการเมือง (ด้านการแข่งขัน) ระบบการจ้างงาน ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น นำไปสู่การเติบโตของเมืองอย่างยั่งยืนมีรูปธรรมความสำเร็จ ดังนี้ 1) เกิดกลไก แผนงาน และแนวทางในการบริหารจัดการเชิงพื้นที่ จำนวน 62 กลไก มีโครงการนำร่อง 2 ด้าน คือ “Smart Environment” และ “Smart Mobility” 2) พื้นที่ต้นแบบบนฐานเศรษฐกิจสีเขียวและห่วงโซ่อุปทาน จำนวน 18 พื้นที่  3) พื้นที่ต้นแบบเมืองคาร์บอนต่ำ จำนวน 9 พื้นที่  4) เกิดตัวแบบการจัดการที่อยู่อาศัย จำนวน 11 พื้นที่  5) การพัฒนาเมืองศูนย์กลางที่น่าอยู่และชาญฉลาด (Livable and Smart City) ด้วยระบบการจัดการข้อมูลเมือง จำนวน 12 พื้นที่ และ 6) พื้นที่ต้นแบบ Learning City ได้รับการพัฒนาและประเมินตามแนวทางปฏิบัติ เกณฑ์และตัวชี้วัดที่สอดคล้องกับแนวทางสากล ผลักดันความร่วมมือระดับนานาชาติ ASEAN+3 Learning Cities Network มีจำนวน 38 เมือง

โดยหน่วย บพท. ได้สร้างฐานข้อมูลเมืองมากกว่า 43 ชั้นข้อมูล และเครื่องมือนวัตกรรมเพื่อการจัดการเมืองกว่า 36 เครื่องมือ ด้วยระบบ Dashboard และแพลตฟอร์ม Open Data เพื่อประกอบการตัดสินใจเชิงนโยบายของเมือง โดยสนับสนุนให้มีการจัดตั้งบริษัทพัฒนาเมืองจำนวน 20 แห่งทั่วประเทศ และหลักสูตรนักพัฒนาเมืองระดับสูง (พมส.) เพื่อยกระดับทักษะและศักยภาพของผู้นำท้องถิ่นและผู้เกี่ยวข้องกว่า 70 แห่งทั่วประเทศ จากบทเรียนความสำเร็จในการดำเนินงานที่ผ่านมาทำให้ในปี 2567  หน่วย บพท. ได้ริเริ่มจัดตั้ง Accelerator Lab หรือที่เรียกว่า “CIAP” City Incubator and Accelerator Program ผ่านการบ่มเพาะและเร่งรัดกระบวนการ เทศบาลนครและเมืองกว่า 18 แห่ง โดยทำงานร่วมกับสมาคมเทศบาลนครและเมือง และเครือข่ายมหาวิทยาลัย จนนำไปสู่การสร้าง “สถาบันความรู้เพื่อการพัฒนาเมือง” อันเป็นการติดตั้งสถาบันคลังความรู้หรือแหล่งรวบรวมข้อมูล ความรู้ และนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาเมืองไปสู่เมืองน่าอยู่และชาญฉลาดในอนาคต  

ในเวที City Solution Days ได้รับเกียรติจากนายบรรจง โฆษิตจิรนันท์ นายกเทศมนตรีเมืองร้อยเอ็ด และนายกสมาคมเทศบาลนครและเมือง ขึ้นกล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อเรื่อง “สถาบันพัฒนาเมือง โจทย์ใหม่ของเมืองกับการขับเคลื่อนเชิงพื้นที่และทิศทางการเปลี่ยนแปลง” นายบรรจง กล่าวว่า สมาคมเทศบาลนครและเมือง ทำงานร่วมกับหน่วย บพท. และมหาวิทยาลัยในพื้นที่ โดยมีจุดมุ่งหมายสำคัญเพื่อสร้างต้นแบบเมืองที่สามารถยกระดับสู่ความเป็น “เมืองน่าอยู่อย่างชาญฉลาด” ด้วยกรอบการขับเคลื่อนผ่านโปรแกรมCIAP (City Incubation & Acceleration Program)  หรือ “โปรแกรมบ่มเพาะและเร่งรัดเมืองน่าอยู่” โดยมีกลไกสำคัญ ประการแรก คือ Incubation – การบ่มเพาะเมือง เพื่อค้นหาศักยภาพและโจทย์สำคัญของแต่ละเมือง และประการที่สอง Acceleration – การเร่งรัดการเปลี่ยนแปลง นำไปสู่ต้นแบบที่ชัดเจน วัดผลได้ สามารถขยายผลต่อยอดได้จริง และในปัจจุบันมีผลลัพธ์เกิดขึ้นหลายพื้นที่ เช่น ร้อยเอ็ด กลายเป็นเมืองเศรษฐกิจ, ทุ่งสง กลายเป็นเมืองที่สามารถรับมือภัยพิบัติได้อย่างเข้มแข็ง และนนทบุรี กลายเป็นเมืองแห่งสุขภาวะที่ดูแลคุณภาพชีวิตประชาชนอย่างรอบด้าน นอกจากนี้ยังมีเมืองอีกกว่า 18 เมือง ที่ได้ผ่านการพัฒนาในระยะที่ 1 ของ CIAP  โดยก้าวที่สำคัญในปีนี้คือ การจัดตั้ง “สถาบันพัฒนาเมือง” ภายใต้สมาคมนครและเมือง ทำให้เป็นพื้นที่กลางเปรียบเสมือน “พื้นที่องค์ความรู้เปิดของระบบนิเวศเมือง” เพื่อสนับสนุนและหนุนเสริมการทำงานของเมืองทั่วประเทศ ทำหน้าที่เชื่อมโยงงานวิจัย ความรู้ และนวัตกรรม ให้ขยายผลและต่อยอดนำไปสู่การปฏิบัติได้จริงต่อการดำเนินชีวิตของประชาชน และสร้างความร่วมมือไปยังทุกพื้นที่เป้าหมายเพื่อให้ทุกเมืองของไทยก้าวสู่ความเป็น “เมืองน่าอยู่อย่างชาญฉลาด” ตอบสนองทั้งคุณภาพชีวิต เศรษฐกิจ และความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม โดยมีสมาคมเทศบาลนครและเมืองและสถาบันพัฒนาเมืองเป็นกลไกกลางในการประสานงาน สนับสนุน เชื่อมโยงทุกฝ่าย ที่มุ่งหวังอย่างยิ่งว่าในอนาคตเมืองไทยจะสามารถก้าวสู่ความเป็น “เมืองน่าอยู่สำหรับคนรุ่นเราและรุ่นต่อไป” ได้อย่างยั่งยืนแท้จริง นอกจากนี้

ภายในงานมีกระบวนการ City Solution Matching ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของงานครั้งนี้ ถือเป็นกระบวนที่เชื่อม “เมือง” กับ “ผู้ให้บริการโซลูชัน” รวมถึงบริษัทภาคเอกชน หรือสตาร์ทอัพ เพื่อเป็นการตรวจสอบความพร้อมทั้งสองฝ่าย ก่อนที่จะก้าวไปสู่การทดสอบจริง หรือ Pilot Test ภายใต้บทบาทของสมาคมนครและเมือง ร่วมกับโปรแกรมกลางที่ทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงและผู้สนับสนุน ผ่านการ Workshop เชิงปฏิบัติการ เน้นการลงมือทำอย่างเป็นระบบ โดมีจุดเน้นสำคัญ คือ เน้นการแก้ Pain และสร้าง Gain ที่แท้จริงของเมือง สร้างพื้นที่กลางที่โปร่งใสและตรวจสอบได้ และขับเคลื่อนการพัฒนาด้วยหลักฐานเชิงประจักษ์ โดยผลลัพธ์ของ City Solution Matching จะสะท้อนออกมา 3 ระดับ ดังนี้ 1) เมือง จะได้รับโซลูชันที่สอดคล้องกับปัญหา และศักยภาพของตนเองหรือตามบริบทเชิงพื้นที่ 2) ระดับผู้ให้บริการ จะได้พิสูจน์ผลงานและขยายตลาดและมาตรฐานของการให้บริการที่เหมาะสมกับเมือง และ 3) ระดับประเทศ จะได้โมเดลการพัฒนาเมืองที่มีความน่าเชื่อถือ นำไปปรับใช้และขยายผลในระดับนโยบายได้ต่อไป ด้วยเหตุนี้ กระบวนการดังกล่าวและบทบาทการมีส่วนร่วมที่สำคัญจากความร่วมมือทุกภาคส่วน ภายใต้การขับเคลื่อนงานของหน่วย บพท. นั้น จึงมุ่งเน้นการวิจัยเพื่อพัฒนาเมืองน่าอยู่และการกระจายศูนย์กลางความเจริญที่ต้องการสร้างการหนุนเสริมความร่วมมือในเชิงพื้นที่ของ “เมือง” เพื่อขับเคลื่อนออกแบบกลไก ผสานความร่วมมือผ่านเครือข่ายระหว่างเมือง เทศบาล หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาคมวิจัย ให้เข้ามาร่วมกันสร้าง “การเปลี่ยนเมือง สู่อนาคตเมืองน่าอยู่” เพื่อเพิ่มพื้นที่คุณภาพชีวิตที่ดีสำหรับทุกคนในสังคมไทยต่อไป

สถิติการเข้าชม